เปิดประเทศแบบปลอดภัย 1 พ.ย.ต้อนรับคนไทยกลับบ้าน เงื่อนไขเดียวกับนักท่องเที่ยว ย้ำไม่จำเป็นต้องซื้อประกันสุขภาพมีสิทธิ์รักษาพยาบาลอยู่แล้ว
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล กล่าวถึงกรณีคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับประเทศโดยไม่ต้องกักตัว ว่า หากฉีดวัคซีนครบโดสก่อนเดินทางอย่างน้อย 14 วันแล้ว สามารถเดินทางเข้าไทยได้ทางอากาศโดยไม่ต้องกักตัว เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 45 ประเทศและฮ่องกง ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
1. พำนักอยู่ในพื้นที่ประเทศที่ได้รับอนุญาต ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 21 วัน (ยกเว้นกรณีผู้ที่พำนักอยู่ในไทยที่เดินทางจากไทยเข้าพื้นที่ 45 ประเทศ และฮ่องกง สามารถใช้สิทธิ์ไม่กักตัวได้ แม้จะอยู่ในประเทศเหล่านี้ไม่ถึง 21 วัน โดยต้องไม่แวะหรือไปพำนักที่ประเทศอื่นนอกเหนือจาก 45 ประเทศและฮ่องกงก่อนเดินทางกลับไทย)
2. จองและจ่ายค่าห้องพักที่โรงแรม SHA+ หรือ Alternative Quarantine (AQ) 1 คืน เพื่อตรวจโควิด-19 ในวันแรกที่เดินทางถึงไทย และต้องรอที่โรงแรมจนกว่าจะได้รับแจ้งผลตรวจเป็นลบ หากได้รับผลตรวจเป็นลบสามารถเดินทางไปพื้นที่/จังหวัดอื่นได้
3. ต้องใช้ผลตรวจโควิดแบบ RT-PCR อายุไม่เกิน 72 ชม. ก่อนขึ้นเครื่อง
4. คนไทยไม่ต้องใช้ประกันสุขภาพ (แต่ต่างชาติต้องใช้ประกันสุขภาพวงเงินไม่ต่ำกว่า 50,000 USD)
สำหรับคนไทยที่ไม่ได้เดินทางมาจาก 45 ประเทศและฮ่องกง หรือผู้ที่ไม่ได้อยู่อย่างต่อเนื่องกันอย่างน้อย 21 วัน แต่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถเดินทางเข้าไทยทางอากาศได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขโครงการ Sandbox โดยต้องจองและจ่ายค่าห้องพักที่โรงแรม SHA+ 7 วัน ในพื้นที่ Sandbox ซึ่งจะขยายรวมถึงกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564 เพิ่มเติมจากภูเก็ตและสมุย และต้องตรวจโควิด-19 ในวันแรกที่เดินทางถึงไทย และตรวจครั้งที่ 2 ในวันที่ 6 หรือ 7 ซึ่งเมื่อครบกำหนด 7 วันแล้ว จึงจะสามารถเดินทางไปพื้นที่/จังหวัดอื่น ๆ ได้
ส่วนคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบโดส ยังคงต้องกักตัว 10 วัน แต่หากเดินทางเข้าประเทศทางบกต้องกักตัว 14 วัน ในสถานที่ที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ จะมีการยกเลิกระบบการลงทะเบียนเพื่อขอหนังสือรับรอง COE ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 เป็นต้นไป โดยจะใช้ระบบใหม่คือ Thailand Pass ซึ่งจะสะดวกและรวดเร็วกว่าเดิม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news