“ส.ส.เท่าพิภพ” หนุนเปิดธุรกิจกลางคืนให้เป็นเวลาปกติ
“ส.ส.เท่าพิภพ” หนุนเปิดธุรกิจกลางคืนให้เป็นเวลาปกติ ชี้ปัญหาการควบคุมโรคระบาดไม่ใช่เรื่องเวลา
นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่า การดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารจะต้องเป็นร้านที่ได้มาตรฐาน SHA และขายได้ถึงเวลา 21.00 น.เท่านั้น จะไม่มีการขยายเวลา หากดื่มไม่หมดก็เททิ้งไป ว่า ตนรู้สึกสลดใจและเห็นใจคนกลางคืนเป็นอย่างยิ่งที่มีผู้ว่าฯซึ่งไม่สนใจและไม่เข้าใจธุรกิจกลางคืนหรือคนกลางคืนแม้แต่นิดเดียว สาเหตุอาจเพราะการไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากประชาชน จึงไม่เข้าใจปัญหาของคนทำมาหากินเลย
ทั้งนี้ เมื่อตัดสินใจเปิดเมือง เปิดเศรษฐกิจก็ต้องเปิดด้วยความเข้าใจไม่ใช่ความกลัว คิดว่าข้อเรียกร้องของสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยขอขยายเป็น 23.00 น. สามารถทำได้ซึ่งตนสนับสนุนมาตลอด และความจริงก็ควรเปิดเป็นเวลาปกติไปเลย เนื่องจากการควบคุมโรคระบาดปัญหาไม่ใช่เรื่องเวลา หรือเรื่องกลางวันหรือกลางคืน คิดแบบนั้นคือคุมคนไม่ใช่คุมโรค สิ่งที่ กทม.ต้องทำคือสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินตามมาตรการที่ออกมาจาก SHA ได้ ไม่ว่างบประมาณหรือเครื่องมือต่าง ๆ ต้องพร้อมเสริมให้เขา เช่น ชุดตรวจ ATK ราคาถูก หรืออื่น ไม่ใช่การบอกว่าจะส่งคนไปคอยเฝ้าตรวจทั้งกลางวันกลางคืนเหมือนคนเสียสติ จ้องแต่จะเล่นงานคนตัวเล็กตัวน้อย และสิ่งจะต้องปรับปรุงคงเป็นวิธีการลงทะเบียนที่เข้าถึงผู้ประกอบการทั่วไปมากขึ้น ควรมีการลงพื้นที่ไปช่วยเหลือลงทะเบียนไม่ใช่ลงพื้นที่ไปเพื่อปราบปรามอย่างเดียว
พร้อมย้ำว่า อยากให้ผู้บริหารนโยบายประเทศนี้เลิกเสียทีกับการเอาการดื่มสุราในร้านอาหารหรือธุรกิจกลางคืนมาเป็นแพะรับบาปในการปัดความผิดพลาดจากการกำกับนโยบายสาธารณสุขของภาครัฐ ตนจึงหวังว่า โอกาสที่คนกรุงเทพได้เลือกใหม่จะมาถึงเร็ว ๆ นี้ เพราะหากวันหนึ่งวันใดที่เรามีผู้ว่าที่มาจากการเลือกตั้งได้ เชื่อว่าการออกนโยบายสำหรับเมืองมหานครและผู้คนในเมืองคงดีกว่านี้ และเมื่อวันนั้นมาถึง เราคงได้ดื่มหมดเเก้วเพื่อฉลองกันในโอกาสที่ได้เห็นผู้ว่าอัศวินของคณะรัฐประหารกลับบ้านไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news