วิทยา อดีต รมต.สาธารณสุขเดือดตร. นครศรีฯ จับชาวบ้านฝ่าเคอร์ฟิวขัง 2 วันไม่ให้ประกันตัวราวเป็นผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์
จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย อยู่ในโซนพื้นที่สีแดงเข้มที่เหลืออยู่เพียง 1 ใน 7 จังหวัดของประเทศไทยที่มีผู้ติดเชื้อสูง ส่งผลให้นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีคำสั่งมาตรการควบคุมโรคขยายเวลาเคอร์ฟิวส์เพิ่มอีก 1 ชั่วโมงโดยเริ่มจากเวลา 22.00 น.จนถึง 04.00 น.ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม เป็นต้นมา และมีการจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวแล้วจำนวนหลายรายโดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยเรื่องนี้ผู้ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีได้ร้องเรียนกับนายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยถูกจับกุมในขณะที่มีเหตุจำเป็นหลังจากถูกจับกุมแล้วไม่ยอมให้ประกันตัวถูกควบคุมอยู่ในห้องขังถึง 2 วันก่อนที่จะส่งอัยการฟ้องศาล ซึ่งศาลได้สั่งปรับจำนวน 2 พันบาท แต่จ่ายค่าปรับเพียง 1 พันบาทจากการถูกขัง 2 วันในราคาค่าปรับคืนละ 500 บาทรวม 1 พันบาทที่ไม่ต้องจ่าย
นายวิทยา ระบุว่าได้รับการร้องเรียนถึงเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับวิถีการป้องกันการระบาดของโรค โดยวันที่ 26 ต.ค.64 ที่ผ่านมามีการจับกุมบุคคลที่ฝ่าเคอร์ฟิวหลัง 22.00 น.ได้ทั้งหมด 7 ราย แล้วนำไปขังไว้ในห้องขังของโรงพักเมืองนครศรีธรรมราช ใน 7 ราย แยกเป็นแต่ละประเภท มีตั้งแต่คนขับรถไปซื้อน้ำเพราะไม่มีน้ำสำหรับบริโภคในบ้านหมด บางคนมาจากทำงานต่างอำเภอต้องเร่งเรื่องงานให้เสร็จกลับตอน 3 ทุ่มครึ่ง ถึงบ้านในตัวเมืองหลัง 4 ทุ่มโดนจับ และยังมีรายหนึ่งนั่งสูบบุหรี่บนศาลาริมถนนหน้าบ้านก็โดนจับ คนเร่ร่อนก็ยังโดนจับ เข้าใจดีว่าถ้ามีความผิดทางกฎหมายก็ต้องจับกุม แต่คิดว่ามาตรการนี้ต้องดำเนินไปตามมาตรการทางสังคม ไม่ใช่มาตรการคุมอาชญากรรมร้ายแรง “สิ่งที่น่าตกใจผู้ต้องหาทั้ง 7 คนมีญาติมาขอประกันตัว คำตอบที่ได้รับจากตำรวจบอกว่า ไม่มีนโยบายให้ประกัน พอรุ่งเช้าอีกวันญาติไปขอประกันตัวอีกครั้งก็ไม่ได้รับการประกัน ทั้ง 7 คนจึงถูกขังอยู่ในห้องขังโรงพักถึง 2 คืน พอวันที่ 3 ถึงส่งฟ้องศาล คำถามคือคนเหล่าสมควรถูกกระทำเช่นนี้หรือไม่ พวกเขาร้องขอว่าขออย่าให้เกิดแบบนี้กับใครอีก”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news