เข้าสู่วันที่ 9 กับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งภาคเอกชนหมายมั่นปั้นมือว่า ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยกว่า 6 แสนคน ซึ่งจากข้อมูลของ ศบค. ระบุว่า เพียงแค่ 7 วัน หรือ ตั้งแต่ วันที่ 1-7 พ.ย. 2564 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแล้ว 22,832 คน ส่วนใหญ่เข้าระบบ Test and Go คือ ไม่ต้องกักตัว ไม่จำกัดพื้นที่ และ Sandbox โดยมาจาก เยอรมนี สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน ฝรั่งเศส และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งใน 7 วันนี้ พบผู้ติดเชื้อ 20 คน คิดเป็น 0.09%
แต่อย่างไรก็ตาม ในจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยนั้น ไม่มีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน แม้ว่า ประเทศไทยจะบรรจุรายชื่อให้ประเทศจีน เป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถเดินทางเข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว
แน่นอนว่าการหายไปของนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักจากประเทศจีนนั้น ย่อมส่งผลต่อรายได้ด้านการท่องเที่ยว ดังนั้น หมากเกมนี้ ประเทศไทยจะตั้งรับและแก้โจทย์นี้อย่างไร สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. พาไปคุยกับ ผู้ว่า ททท. ซึ่งเขามีคำตอบในเรื่องนี้
โดยผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายยุทธศักดิ์ สุภสร เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยน้อยและล่าช้า ประกอบด้วย
1. นโยบายรัฐบาลจีนที่ขอความร่วมมือให้ประชาชนไม่เดินทางออกนอกประเทศ หากไม่มีความจำเป็น
2. นโยบายด้านการบิน 5-1 (Five to one) อนุญาตให้สายการบิน 1 สายสามารถเดินทางทำการบินได้ 1 ปลายทาง 1 เที่ยวบิน 1 วัน ต่อ 1 สัปดาห์ โดยมีเงื่อนไขว่าหากสายการบินใด ที่บินเข้าประเทศจีนและพบว่ามีผู้ติดเชื้อเดินทางมาด้วย จะโดนลงโทษให้ระงับการบินเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ และจะถูกลดจำนวนเที่ยวบินลง
3. นโยบายการกักตัวสำหรับผู้เดินทางกลับเข้าประเทศจีนเป็นเวลา 14+7 วัน ยกเว้นปักกิ่งซึ่งจะกักตัวเป็นระยะเวลา 21+7 วัน เนื่องจากการกำหนดจัดงาน Winter Olympic 2022 ในวันที่ 9-24 กพ. 65
4. รัฐบาลจีน โดย ตม. ที่สนามบินต่างๆ มักไม่อนุญาตให้ผู้เดินทางที่ใช้วีซ่านักท่องเที่ยว เดินทางออกนอกประเทศ โดยจะอนุญาตให้นักเดินทางที่ถือวีซ่าประเภท Non -B หรือวีซ่าธุรกิจเป็นหลักในการออกเดินทางไปต่างประเทศได้ ซึ่งจะมีผลต่อการเก็บจำนวนสถิติ ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนดูต่ำกว่าความเป็นจริง
ทั้งนี้ ททท. จะดำเนินการเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนในขณะนี้ โดยเน้นกลุ่ม Bleisure (บลิเชอร์) โดยดำเนินการด้านการตลาดผ่าน หอการค้าในต่างๆ ธนาคารพาณิชย์ และทีมไทยแลนด์ โดยเฉพาะ BOI และสำนักงานการค้าระหว่างประเทศ ไปสู่กลุ่มนักลงทุนที่มีจำนวนมากทั่วประเทศจีน โดยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางในลักษณะ Bleisure คือเดินทางเพื่อทำธุรกิจและท่องเที่ยวไปพร้อมกัน
นอกจากนี้จะเจาะกลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีจำนวนมากและต้องการเดินทางมาประเทศไทยเพื่อหาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยร่วมกับ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ๆ ที่จัดกลุ่มนักเดินทางกลุ่มนี้มายังประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่า ททท.คาดว่าตลาดจีนมีโอกาสจะกลับมาในราวไตรมาส 3-4 ของปี 2565 ซึ่ง ททท. เตรียมการจัดทำ Charter flights จากเมืองหลักๆ เพื่อเพิ่มเที่ยวบินและความจุที่นั่ง รวมทั้งทำงานกับ Online Platform และ OTA ใหญ่ๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว
และนี่ ก็คือ แผนการแก้เกมของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในห้วงจังหวะที่ไทยเปิดประเทศ แต่ยังไร้เงานักท่องเที่ยวจีน ซึ่งก็ต้องติดตามและเป็นกำลังใจให้การท่องเที่ยวไทยต่อไป เพราะทั้งหมดนี้คือ การเดิมพันครั้งใหญ่ของประเทศไทยนั่นเอง
.
.
.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news