นายกฯกำชับดูแลราคาน้ำมันปาล์มขวด ชี้เป็นไปตามกลไกตลาด ย้ำราคาหมูยังทรงตัว พร้อมเสริมทันทีหากผลผลิตขาดตลาด
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ ว่า เป็นไปตามกลไกตลาดโลก เนื่องจากผลผลิตปาล์มของอินโดนีเซียและมาเลเซียซึ่งถือเป็นผู้ผลิตรายสำคัญออกสู่ตลอดน้อยลงมากกว่า 5% อันเป็นผลจากสถานการณ์โควิด ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์และกำชับให้กระทรวงพาณิชย์เร่งบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค ซึ่งล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ รายงานว่าได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงสกัดตรึงราคาน้ำมันปาล์มดิบให้มากที่สุดและจากการสำรวจราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในห้างค้าปลีกค้าส่งอยู่ที่ 50-53 บาท/ขวด แต่จะเป็นการปรับตัวในระยะสั้นตามภาวการณ์ของตลาดโลก และในช่วงปลายปีจะมีปริมาณน้ำมันถั่วเหลืองเข้ามาทดแทนน้ำมันปาล์มมากขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับประชาชน
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ผลผลิตปาล์มในตลาดโลกที่ลดลงนั้นกลับส่งผลให้ประเทศไทยสามารถส่งออกน้ำมันปาล์มดิบได้มากขึ้น และราคาผลปาล์มของไทยปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉลี่ยตั้งแต่เดือน ม.ค. – พ.ย 64 อยู่ที่ 6.76 บาท/กก. ขณะที่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกษตรกรที่ผลิตปาล์มคุณภาพดีสามารถขายได้ในราคา 10 บาท/กก. ถือว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี
นายธนกร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้ประกาศจะปรับราคาสุกรมีชีวิต เป็น 84 บาท/กก. จากการติดตามสถานการณ์ของกระทรวงพาณิชย์พบว่าราคาซื้อขายและส่งมอบยังอยู่ที่ไม่เกิน 80 บาท/กก. ตามที่ทางกระทรวงขอความร่วมมือไว้ ส่วนราคาจำหน่ายปลีกหมูเนื้อแดงไม่ตัดแต่งอยู่ที่ 135 – 140 บาท/กก.ราคาจำหน่ายปลีกหมูเนื้อแดงตัดแต่งอยู่ที่ 145 – 150 บาท/กก. ซึ่งเป็นราคาเดียวกับปีก่อน ขณะที่หมูเนื้อแดงชำแหละในห้างค้าปลีกค้าส่ง พบว่าราคายังอยู่ที่ 119-122 บาท/กก.
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด และจะประสานกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรนำเนื้อสุกรชำแหละเข้าไปเสริมในตลาดหรือจัดจำหน่ายหมูธงฟ้าราคาประหยัดให้กับผู้บริโภคหากช่วงใดที่ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดไม่เพียงพอ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news