“จุรินทร์”ตอบกระทู้ราคาข้าวตกต่ำ ยันเกษตรกรมีรายได้2ทาง ขายข้าว-เงินประกันรายได้ ย้ำ 26 พย.ไปงานเลี้ยง ไม่ใช่ไปเยาะเย้ยชาวนา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ตอบกระทู้ถามของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.จังหวัดพิษณุโลก พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามด้วยวาจา เรื่อง การบริหารจัดการราคาข้าวตกต่ำ โดยย้ำว่า ราคาข้าวขึ้นอยู่กับปริมาณความชื้น มิเช่นนั้น จะกระทบต่อคุณภาพข้าว ทำให้มาตรฐานต่ำลง มีสิ่งเจือปน ราคาก็จะต่ำลง ซึ่งรัฐบาลไม่ประสงค์จะให้เป็นเช่นนั้น
ส่วนการจ่ายเงินประกันรายได้เกษตรกร มีทั้งสิ้น 33 งวด รัฐบาล จะจ่ายสัปดาห์ละ 1 งวด ซึ่งงวดที่ 1 ได้เริ่มจ่ายแล้ว ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายนและงวดที่ 2 เริ่มจ่ายวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รวม 13,000 ล้านบาท ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บางครัวเรือนได้ค่าชดเชยกว่า 69,000 บาท และงวดต่อไป จะจ่ายในสัปดาห์ถัด ๆ ไป จนครบ 33 งวด พร้อมยืนยันว่า เกษตร จะมีรายได้จากการนำข้าวไปขายในราคาตลาดและยังมีรายได้จากมาตรการประกันรายได้
สำหรับปัญหาข้าวในระยะยาว นายจุรินทร์ ชี้แจงว่า ประเทศไทยมียุทธศาสตร์ข้าวไทย เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งหากดำเนินการได้ตามเป้าหมาย ก็จะช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรชาวนา มีผลผลิตต่อไร่จะมากขึ้น และจะมีพันธุ์ข้าวไทยที่ตอบโจทย์ตลาดโลก ที่ต้องการพันธุ์ข้าวนุ่มพร้อมมีนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ที่ตลอดที่ผ่านมาสามารถส่งออกข้าวได้จำนวนมาก
ส่วนที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาระบุมาตรการประกันรายได้เป็นภาระทางการคลังของรัฐบาลนั้นนายจุรินทร์ ยืนยันว่า ตนเอง ไม่ได้มีปัญหากับนายสันติ และมาตรการประกันรายได้พืชผลการเกษตรนั้น เป็นนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ตอบรับเข้าร่วมพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ทั้งนี้ ทุกโครงการของรัฐบาลย่อมเป็นภาระการคลังแต่ก็เป็นประโยชน์แก่เกษตรกร พร้อมยืนยันว่า งานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ ตนจะไปร่วมกินข้าวด้วย แต่ไม่ได้ไปเยาะเย้ยชาวนา แต่จะไปพูดคุยถึงการทำงานของรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news