ถึงแม้ตู้เชื่อมไฟฟ้าจะเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญในงานเชื่อมเหล็ก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตู้เชื่อมเพียงเครื่องเดียวจะสามารถนำไปใช้กับงานเชื่อมทุกรูปแบบได้ เพราะในความเป็นจริงตู้เชื่อมแต่ละแบบนั้นมีวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากเรานำตู้เชื่อมไปใช้กับพื้นผิวและหน้างานผิดประเภท แน่นอนว่าเราอาจจะต้องเสียทั้งเงินและเวลาไปกับการซ่อมแซมและการซื้อวัสดุใหม่ และเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีเลือกตู้เชื่อมไฟฟ้ามาให้ทุกคนได้ลองไปอ่านกัน
ตู้เชื่อม MMA
สำหรับใครที่กำลังหัดเชื่อมเหล็ก ตู้เชื่อมไฟฟ้า MMA ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุด เพราะผู้ใช้งานสามารถปรับกระแสไฟฟ้าให้เหมาะกับงานเชื่อมโลหะได้กับทั้งวัสดุที่เป็นเหล็กและไม่ใช่เหล็ก นอกจากนี้ตู้เชื่อมดังกล่าวยังมีระบบป้องกันกระแสไฟฟ้าและความร้อนที่ดีเยี่ยม แถมขั้นตอนการตั้งค่าก่อนเริ่มใช้งานยังไม่ซับซ้อน ดังนั้นเราจึงสามารถยกไปทำงานตามจุดต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็วกว่าตู้เชื่อมประเภทอื่น ในขณะที่ข้อควรระวังในการใช้งานก็มีเพียงเรื่องของสะเก็ดไฟที่ ซึ่งเราสามารถป้องกันเรื่องดังกล่าวได้ง่ายๆ ด้วยการใส่ชุดและอุปกรณ์ป้องกันให้มิดชิดก่อนทำงาน
ตู้เชื่อม TIG
เมื่อไม่กี่ปีก่อนตู้เชื่อมไฟฟ้า TIG อาจจะเหมาะกับงานเชื่อมอาร์กอนเพียงอย่างเดียว แต่ในปัจจุบันผู้ผลิตตู้เชื่อมหลายแห่งได้ออกแบบเครื่องดังกล่าวให้สามารถใช้งานเพื่อเชื่อมโลหะเข้ากับวัสดุประเภทอื่นได้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยจุดเด่นที่ทำให้ตู้เชื่อมประเภทนี้ต่างจากตู้เชื่อม MMG ได้แก่ การไม่ก่อให้เกิดสะเก็ดและควันไฟในระหว่างเชื่อม ดังนั้นจึงตอบโจทย์กับงานที่ต้องการความเรียบเนียนรวมไปถึงงานที่วัสดุเชื่อมมีความบอบบาง ในขณะที่ข้อเสียของ TIG ได้แก่ การตั้งค่าที่ค่อนข้างซับซ้อนและความรวดเร็วในการเชื่อมที่ยังคงเป็นรองตู้ MMG อยู่
ตู้เชื่อม MIG
ในบรรดาตู้เชื่อมไฟฟ้าทุกประเภท ตู้เชื่อม MIG ถือว่ามีความครบเครื่องมากที่สุด เพราะเป็นการนำเอาจุดเด่นของตู้เชื่อมสองประเภทข้างต้นมาผสมผสานกัน ประกอบไปด้วย คุณสมบัติในการเชื่อมโลหะเข้ากับวัสดุได้เกือบทุกชนิดเริ่มตั้งแต่เหล็ก, สเตนเลส ไปจนถึงอะลูมิเนียมและความรวดเร็วในการเชื่อมของ MMG และคุณสมบัติในการเชื่อมรอยต่อให้เนียนกริบสวยงามของตู้เชื่อม TIG ถึงแม้จะมีความสามารถรอบด้าน แต่ตู้เชื่อมดังกล่าวกลับมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นจึงเคลื่อนย้ายลำบาก และเหมาะกับการใช้งานในสถานที่ใดเพียงสถานที่หนึ่งเท่านั้น
ก่อนจากกันไปเราอยากจะบอกทุกคนว่าสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กับการเลือกตู้เชื่อมให้ถูกประเภทคือการเลือกซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวกับร้านค้าที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ตัวเราเองได้รับสินค้าที่ปลอดภัยได้มาตรฐานในระดับสากลและไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี