ชัดเจนใน “สัญญาน”ต่อเนื่องของการ “ปิดประตู”การเจรจาของฝ่ายอำนาจปัจจุบันภายใต้ “ศูนย์อำนาจ3ป.”ที่ “ปิยะบุตร-ไอติม”ลดระดับข้อเสนอ“ทะลุเพดาน”ในการยื่น “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน”
ที่เพิ่งถูกที่ประชุมร่วมรัฐสภา “คว่ำร่าง”โหวตตีตกไปเมื่อวาน(17พ.ย.)ให้คำจำกัดความว่า “ระบอบประยุทธ์” กับ “ม็อบเด็ก”นับตั้งแต่ผลคำวินิจฉัยของว่าด้วย “ปฏิรูป=ล้มล้าง”ที่นำมาสู่ การขยายผลของ “นักร้องการเมือง”ที่เริ่มขยายผล สอดคล้องล้อไปกับ ร่องรอยกระเพื่อมจาก “กลุ่มอนุรักษ์นิยม”สาย “ขวาสุดโต่ง” ที่ออกมาจี้ให้ฝ่ายบ้านเมืองดำเนินการ ไล่“เช็กบิล”ผู้เกี่ยวข้อง “ม็อบเด็ก”ที่ผ่านมาทั้งเด็กผู้ใหญ่ทั้งเป็นบุคคลและพรรค จนหลายฝ่ายเริ่มเป็นห่วงฉากความขัดแย้งรุนแรงถัดไปที่จะเกิดขึ้น
อย่างที่ ‘ปิยบุตร-ไอติม’ ที่แม้จะผิดหวังที่ร่างรธน.ประชาชนที่อาจเป็น “รูระบาย”ประวิงเวลาการแตกหักของ “คู่ขัดแย้งทางความคิด”ในสังคม เมื่อ รธน.ถูกคว่ำและต้องรออีกยาวเป็นปีกว่าจะเสนอเข้ามาได้ใหม่ แต่ก็ยังไม่หมดหวังหาก “นักการเมือง”ที่กำลังเข้า “โหมดเลือกตั้ง”อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าฟังเสียงประชาชน นำ ไปเป็นนโยบายหาเสียงโดยยืนยันว่า ร่างรธน.ฉบับประชาชน รอบนี้ไม่ได้ “สุดโต่ง”อย่างที่มีการตั้งแง่จากบางฝ่าย ที่แม้ภาพในสภาเมื่อวานนอกจาก “สว.250” ที่ไม่ยอม “ทุบหม้อข้าวตัวเอง” ตามคาดแล้ว ยังมี “ส.ส.จากพรรครัฐบาล” ทั้งพลังประชารัฐ(พปชร.) ภูมิใจไทย(ภท.) ประชาธิปัตย์(ปชป.) อยู่ในเสียงโหวตคว่ำด้วย มีเพียงส.ส.จากฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทย ก้าวไกล ที่โหวตเห็นด้วย
เรียกว่า“ผู้สังเกตการณ์การเมือง”หลายฝ่ายประเมิน 2ช็อตติดต่อในรอบ2สัปดาห์ หนนี้คือการแสดงท่าทีขึงขังของ “ฝ่ายอำนาจ”แบบไม่มีโอ้โลมปฏิโลมเหมือนรอบที่แล้วที่มีการ รับหลักการไปก่อนแล้วไปปรับแต่งเนื้อหา “ดึงเช็ง”ไปเรื่อย แต่ครั้งนี้คือ “ปิดประตูตาย”ไม่เจรจาด้วย ไม่สนเสียง “จิ้งจกทัก”หรือ เสียงเตือนจากนักวิชาการ นักการเมือง ว่า จะเป็นชนวนเพิ่มความขัดแย้ง ผลักการเมืองลงไปยังท้องถนน แถมยังถือโอกาสนำใบเสร็จมาไล่เช็คบิลเด็กและผู้ใหญ่ที่เห็นต่างทั้งคดีอาญาและการยุบพรรค ที่ยิ่งกลายเป็น “หนังตัวอย่าง”สะท้อนภาพความเป็นไปเป็นอยู่ของอำนาจการเมืองปัจจุบัน ที่ “ปิยะบุตร-ไอติม”อภิปรายในสภาว่าคือ“ระบอบประยุทธ”ที่ได้ประโยชน์จาก “รัฐธรรมนูญ60”ที่ถูกออกแบบมาเป็นเกราะกำบังอำนาจ ที่ทำให้ แม้จะเกิดภาพความล้มเหลวของ “ฝ่ายบริหาร”ทำให้มีความเสียหายทั้งชีวิตสุขภาพและปากท้องประชาชน แต่ไม่ถูกตรวจสอบจัดการตามกลไก “ถ่วงดุลอำนาจปกติ”และไม่ให้น้ำหนักสนใจ แต่สนใจและเป็นกังวลจากการถูก “ตรวจสอบ”จากคนในพรรค พปชร.อย่าง “ผู้กองนัส”
ที่สถานการณ์ในจังหวะที่กำลังถูกดึงเข้าสู่ “โหมดความมั่นคง”กลางดงโควิดและปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่นายกฯคนล่าสุดไม่ถนัดนี้กำลังถูกมองว่าเป็นสัญญานอันตราย อย่างที่ “ธงชัย วินิจจะกูล” ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน สหรัฐอเมริกา กล่าวระหว่างอภิปรายหัวข้อ ‘การเมืองเรื่องจินตนาการใหม่ของสังคมไทย’บนเวทีของTDRIเมื่อวานซืน(16พ.ย.) ว่า ปัจจุบันรัฐกำลังปิดประตูทีละบานๆ และเป็นความ “ขวาสุดโต่ง”ซึ่งแยกออกมาต่างหากจาก “อนุรักษนิยม” เพราะ “อนุรักษนิยม”จะไม่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่จะมีท่วงท่า วิธีคิดในการเปลี่ยน ต่างไปจาก “กลุ่มเสรีนิยม” เห็นได้จากการไม่ผลักสังคมให้ย้อนหลัง โดย ระบอบปัจจุบันและสิ่งที่เกิดขึ้นคือ “ระบอบประยุทธ์” ที่ปรากฏมาเป็นระบอบรัฐสภา เป็นศาลรัฐธรรมนูญอย่างที่เห็น ซึ่งตนมองว่า เป็นการละเมิดหลักการประชาธิปไตย แบบย้อนกลับไปสู่ยุคอดีต
โดย “อ.ธงชัย”บอกว่า เชื่อว่า นักการเมือง ที่ฉลาดหน่อยไม่ว่าจะฝ่ายไหน ความเรียกร้องของประชาชนเป็นสิ่งที่ต้องฟัง อาจจะไม่เห็นด้วยแต่จะไม่ปฏิเสธ แม้แต่การเมืองที่ออกไปทาง อำนาจนิยม อนุรักษนิยมมาก ที่ผ่านมา ก่อน ยุคพล.อ.ประยุทธ์ ที่ผู้มีอำนาจแม้ไม่ฉลาดอย่างน้อยก็ยังแคร์เรื่องการสูญเสียความชอบธรรมและยินดีประนีประนอม ดังนั้นเขาจึงฟังเสียงประชาชน ความรุนแรงจึงเกิดขึ้นได้ยาก เพราะเมื่อไรที่พวกเขารู้สึกกำลังจะสูญเสียความชอบธรรม พวกเขาจะยินดีรับฟัง แต่สำหรับการเมืองของ “ฝ่ายขวาสุดโต่ง” ตนคิดว่าการเสียความชอบธรรมไม่ทำให้คนเหล่านี้สะทกสะท้าน เพราะเขาไม่แคร์ จนกว่าจะถูกทำให้จนมุม ต้องทำให้เขาเห็นถึงหายนะที่รอเขาอยู่เบื้องหน้าจึงจะยอมเจรจา โอกาสที่จะลดความรุนแรงในปัจจุบันต้องมีคนทำให้เขาเห็นว่าหายนะรอเขาอยู่ข้างหน้า ซึ่งทุกวันนี้ ตนคิดว่ามีคนเตือนแล้วหลายคน.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news