คลังขยายเพดานก่อหนี้สะสมเป็น35% เพื่อให้เพียงพอจ่ายประกันรายได้เกษตรที่เหลือกว่า 76,000 ล้าน- ชงครม.อนุมัติสัปดาห์หน้า คาดจ่ายทันฤดูเก็บเกี่ยวธ.ค.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมนโยบายการเงินการคลังของรัฐ กล่องที่ 2/2564 ว่า ที่ประชุมได้มีการกำหนดอัตรายอดคงค่าของภาระที่รัฐต้องชดเชยตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังตามมาตรา 28 ซึ่งนายกฯมีความเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนาที่รอรับเงินประกันรายได้ ตามนโยบายของรัฐบาล 2 ส่วน ที่ประกอบด้วย การประกันรายได้ และการบริหารจัดการ ลดต้นทุนการผลิตการปลูกข้าว ที่ครม.ได้มีการอนุมัติไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม วงเงิน 18,000 ล้านบาท
งวดที่ 1 แบ่งเป็น การประกันรายได้ 13,000 ล้านบาท และมาตรการคู่ขนานอีก 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ด้วยข้อจำกัดของวงเงินตามมาตรา 28 นายกรัฐมนตรี จึงขอให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงพาณิชย์ หาหรือร่วมกันเพื่อหาแนวทางบริหารจัดการส่วนค้างอยู่ของเงินประกันรายได้
โดยการประชุมในวันนี้ได้มีมติเห็นชอบ ขยายกรอบอัตรายอดคงค้างของภาระที่รัฐต้องชดเชยตามมาตรา 28 และขอสนับสนุนจากงบกลาง ซึ่งโดยปกติการชดเชยล่วงหน้า จะตั้งงบประมาณคืนให้ในปีถัดไป โดยในปี 2565 ตั้งงบประมาณคืนให้ 76,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้วงเงินตามมาตรา 28 ยังไม่เพียงพอ จึงมีข้อสรุปให้ขยายเพดานการก่อหนี้สะสมเมื่อเทียบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังตามมาตรา 28 จากร้อยละ 30 ขยับเป็นร้อยละ 35 เผื่อเปิดวงเงินสำหรับโครงการ ประกันรายได้ พืชผลทางเกษตร ข้าว ยางพารา กำหนดเป็นระยะเวลา 1 ปี สำหรับปีงบประมาณ 2565 หลังจากนั้นจะกลับมาที่อัตราร้อยละ 30 ตามเดิม เพื่อรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐบาล
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ สำนักงบประมาณ พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง นำโครงการประกันพืชผล โดยเฉพาะข้าว บรรจุไว้ในพ.ร.บ.งบประมาณ เป็นงบประมาณปกติ เพื่อไม่ให้เป็นภาระการคลังสะสมตามมาตรา28 และยังมีโครงการอื่นๆ ที่มีความจำเป็น อย่างมาตรการสินเชื่อ ของสถาบันการเงินของรัฐ ที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกสาขาอาชีพนายอาคม ยังย้ำว่า นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงว่าเงินประกันรายได้ของชาวนาที่รออยู่ขาดช่วง อีกทั้งจะมีการประกาศใน 1-2 วันนี้ หลังคณะกรรมการมีมติ และจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคาร 30 พ.ย. 2564 เพื่อ อนุมัติโครงการประกันรายได้ในส่วนที่เหลือ และเข้าสู่กระบวนการจ่ายเงินผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวเดือนธันวาคม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news