โคราชเข้มตรวจจับปรับจริงห้ามใช้รถควันดำ
โคราช เข้มตรวจจับ ปรับจริง ห้ามใช้รถควันดำในพื้นที่หวังให้ ปชช.บำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
กรมควบคุมมลพิษ โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 นครราชสีมา ร่วมกับ จังหวัดนครราชสีมา โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา ตำรวจภูธรจังหวัดฯ สำนักงานขนส่งจังหวัดฯ และสำนักงานเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ได้ร่วมกันดำเนินกิจกรรม “ตรวจจับควันดำจากยานพาหนะ” ในพื้นที่อำเภอต่างๆ ของจังหวัดนครราชสีมา โดยเน้นเส้นทางสัญจรสายหลักของจังหวัด เพื่อบังคับใช้กฎหมายกับยานพาหนะเครื่องยนต์ดีเซล ที่ปล่อยระบายค่าควันดำเกินกว่าค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ประชาชนบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนหรือ PM 2.5 โดยได้กำหนดเป้าหมายตรวจจับควันดำจากเครื่องยนต์ดีเซลให้ได้ จำนวน 30-50 คันต่อวัน และมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 – วันที่ 31 มีนาคม 2565
ซึ่งนายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จังหวัดนครราชสีมา เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีสภาพการจราจรหนาแน่น โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน รวมทั้ง เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางบก เป็นเส้นทางสัญจรไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในแต่ละวันจึงมียานพาหนะสัญจรผ่านไปมาภายในพื้นที่จังหวัดเป็นจำนวนมาก และจากการที่รัฐบาลกำหนดให้ปัญหาผลกระทบจาก ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน เป็นวาระแห่งชาติ ทางจังหวัดนครราชสีมา ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว
จึงร่วมเป็นพื้นที่เป้าหมาย นำร่องดำเนินโครงการเฝ้าระวังติดตามตรวจสอบและควบคุมมลพิษทางอากาศด้านการขนส่งประกอบด้วยกิจกรรมการตรวจจับควันดำจากยานพาหนะ ซึ่งก่อนที่จะบังคับใช้กฎหมายกับประชาชนได้กำหนดนโยบายให้หน่วยงานราชการในพื้นที่จังหวัด นำร่องดำเนินโครงการฯ ด้วยการนำรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลของทางราชการ และรถยนต์เจ้าหน้าที่ เข้าตรวจวัดควันดำ เพื่อให้มีการนำรถยนต์ที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐานไปซ่อมบำรุงรักษา ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีค่าควันดำที่ระบายออกจากท่อไอเสียเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งจะมีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบฝุ่นละอองที่เกิดจากภาคการจราจรและการขนส่ง โดยได้มอบหมายให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมาตำรวจภูธรจังหวัด และสำนักงานขนส่งจังหวัด เป็นหน่วยงานหลักในการประสานความร่วมมือการตรวจจับควันดำและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จับจริง ปรับจริง เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ต่อไป
ด้านนายธนัญชัย วรรณสุข ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 (นครราชสีมา) กล่าวว่า จากข้อมูลสถานการณ์คุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ทั่วทุกภาคของประเทศไทยได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือที่เรียกกันว่าฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น จนกระทั่งรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ที่จะต้องป้องกันและแก้ไขปัญหาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้กำหนดนโยบายให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1-16 ทุกแห่งทั่วประเทศ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด ตรวจวัดควันดำที่ระบายออกจากท่อไอเสียของรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล ตลอดจน บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับรถยนต์ที่มีค่าควันดำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เพื่อนำไปสู่การควบคุมป้องกันมลพิษดังกล่าว
ซึ่งสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่การควบคุมที่แหล่งกำเนิด ได้แก่ การดูแลรักษาเครื่องยนต์ คุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิงและการสันดาป ตลอดจน การควบคุมการระบายควันดำที่ปลายท่อไอเสียของรถยนต์ เป็นต้น และสำหรับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลซึ่งมีผลการตรวจวัดค่าควันดำเกินมาตรฐาน พนักงานเจ้าหน้าที่จะติดสติกเกอร์ห้ามใช้ยานพาหนะ ซึ่งถือว่าเป็นคำสั่งทางปกครอง โดยเจ้าของรถยนต์จะต้องนำรถไปจัดการแก้ไขหรือซ่อมบำรุงภายในระยะเวลา 30 วัน และนำหลักฐานไปขอยกเลิกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะ ณ จุดยกเลิกคำสั่งตามที่ทางจังหวัดนครราชสีมากำหนดต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news