เตรียมเคาะพรุ่งนี้ คนกลางคืน-อาชีพอิสระ สุชาติ เผยมีธงเยียวยา 5 พันบาทต่อคน พร้อมชงโมเดลช่วยลูกจ้างในระบบ ม.33 อาจได้ 2 เด้งจาก สปส. – รัฐบาล
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงแนวทางการเยียวยานักร้อง นักแสดง นักดนตรี และผู้ประกอบการสถานบันเทิง ผับ บาร์ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 ว่า เรื่องนี้ขอดูตัวเลข กับผู้ประกอบการก่อนในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ แต่เบื้องต้นมีตัวเลขในระบบอยู่แล้ว สำหรับผู้ที่เป็นอาชีพอิสระ ตามมาตรา 40 ซึ่งเดิมมีการเยียวยาไว้ที่ 5,000 บาท 29 จังหวัด ขณะนั้นมีอยู่ 2 หมื่นกว่าราย แต่หากรวมทั้งประเทศ คาดว่าไม่เกิน 1-2 แสนคน นอกจากกลุ่มดังกล่าวแล้วยังรวมไปถึงกลุ่มคนขับรถรับส่งนักดนตรี เด็กเสิร์ฟ หรืออาชีพที่ได้รับรองจากสมาคมฯ และสมาคมฯ ยืนยันได้ และต้องดูอายุ หากเกิน 65 ปีจะไม่เข้าข่ายมาตรา 40 อาจจะประสานกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวัฒนธรรม
ทั้งนี้ต้องรอดูตัวเลขจากสมาคมฯ ที่จะมาพบตนในเวลา 14.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. ว่าตัวเลขคนกลุ่มดังกล่าวมีจำนวนเท่าใด ซึ่งการเสนอขอสภาพัฒน์ฯ ต้องมีตัวเลขที่ชัดเจนว่ามีปริมาณเท่าใด ซึ่งไม่สามารถพูดลอยๆได้ ทั้งนี้เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมคาดว่าจะได้ข้อสรุปเป็นเช่นใด เนื่องจากตัวเลขรัฐบาล และ ผู้ประกอบการต่างกันหลายเท่าตัว โดยในหลักการนายกรัฐมนตรีให้การเยียวยาอยู่แล้ว
ซึ่งตนมีธงในใจไว้ที่ 5 ,000 บาท เพราะเป็นเงินกู้ของรัฐบาลไม่ใช่เงินของประกันสังคม แต่มีบางกรณีใช้เงินในเหตุสุดวิสัยในมาตรา33 หรือ ร้อยละ50 เข้าข่ายช่วยอีกประกอบด้วยลูกจ้างในระบบ เช่น เด็กเสิร์ฟ เสมียน ซึ่งในส่วนนี้จดทะเบียนในประกันสังคม แต่เรื่องนี้เป็นเพียงหลักการของผมซึ่งยังไม่มีการเสนอเข้าที่ประชุม แต่เราต้องมีโมเดลในใจ ดังนั้นหากเป็นลูกจ้างในมาตรา33 ด้วยอาจจะได้รับการเยียวยา2 ทางคือสำนักงานประกันสังคม และ จากรัฐบาล
ทั้งนี้นายสุชาติ กล่าวต่อว่า เรามีบรรทัดฐานการเยียวยา5,000 บาท จากครั้งก่อน ซึ่งการเยียวยาสถานบริการบันเทิง ส่วนใหญ่เป็นบริษัท เขาสามารถใช้สิทธิ์ sme ได้ ซึ่งให้หัวละ 3,000 บาทในลูกจ้างไม่เกิน 200 คน ซึ่งเป็นโมเดลที่รัฐบาลสร้างไว้เยียวยาไว้แล้ว ขณะที่ลูกจ้างในระบอบประกันสังคมมาตรา33 ก็สามารถใช้คำสั่งศบค.ใช้เยียวยาเหตุสุดวิสัยได้ แต่หากเป็นอาชีพอิสระ
สุชาติ เตรียมแจง ศบศ. โวเลขจ้างงานปี 64 สูงกว่า 6 แสนราย เผยภาคส่งออกเกือบ100%
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการเสนอเรื่องของกระทรวงแรงงานในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ วันที่ 3 ธ.ค.นี้ ว่า ตนจะเสนอรายงานตัวเลขการจ้างงานและการว่างงาน จากตัวเลขในระบบประกันสังคมตามเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ที่ขณะนี้มีประมาณ 11 ล้านคน เพราะเป็นตัวเลขที่จะทำให้ทราบข้อมูลที่ชัดเจน ตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแนะนำให้ใช้เป็นตัวเลขอ้างอิง แทนการใช้วิธีสุ่มตัวอย่าง เพราะตัวเลขจะไม่นิ่ง หากสอบถามก็จะระบุกลับมาว่าว่างงานทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ สวนทางกับกลุ่มธุรกิจการส่งออก ที่จะบอกว่ายังต้องการแรงงาน ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งการใช้เลขประจำตัว 13 หลัก ยังทำให้รู้ได้อีกว่าผู้ประกันตนที่ออกจากบริษัทหนึ่ง แล้วไปอยู่อีกบริษัทหนึ่งเมื่อไหร่ เนื่องจากผู้ประกอบการ ต้องแจ้งเข้าระบบประกันสังคม นอกจากนี้จะรายงานให้ที่ประชุมทราบว่ามีธุรกิจประเภทใด และจังหวัดใดที่การจ้างงานเริ่มฟื้นตัวบ้าง
โดยนายสุชาติ กล่าวว่า ทั้งนี้ตัวเลขการจ้างงานในปี 64 พบเป็นบวก มีจำนวนกว่า 6.8 แสนคน โดยเฉพาะการส่งออก จากโครงการแฟคเตอร์รี่ แซนด์ บอกซ์ เป็นภาคธุรกิจที่แข็งแรง ขณะที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยว กำลังฟื้นตัว ซึ่งกระทรวงแรงได้เก็บข้อมูลจ้างงานธุรกิจประเภทนี้ ดังนั้นการสื่อสารตัวเลขที่แท้จริงนี้จะทำให้นักลงทุนเข้าใจ
ทั้งนี้นายสุชาติ กล่าวว่า ธุรกิจประเภทต่างๆ ไม่ได้หายไปพร้อมกันหมด เพราะมีตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นว่ามีธุรกิจที่ฟื้นกว่า 98%เช่นส่วนค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าก็ฟื้นกว่า 80-90% ขณะที่ภาคท่องเที่ยวและบริการ ฟื้นประมาณ40%
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news