เปิดปท.สร้างเชื่อมั่นลุ้นช้อปดีมีคืนปั๊มศก.
ทั้งผลักทั้งดันจนล่าสุดเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นทุกที จากข้อเสนอของภาคเอกชนที่ให้นำโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ที่รัฐบาลเคยทำนำกลับมาปัดฝุ่นใช้ใหม่ เพื่อดึงเงินในกระเป๋ามาผู้มีอันจะกินมาช่วยพยุงเศรษฐกิจ กระจายรายได้ช่วงปลายปี
โดยล่าสุด นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการใช้จ่าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน เป็นมาตรการกระตุ้นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ผ่านแนวทางการนำไปหักลดหย่อนภาษี หลังจากโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ส่วนโครงการคนละครึ่งเฟส 4 นั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่นำกลับมาคิดและต้องหารืออย่างรอบคอบเนื่องจากถูกถามมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องรอดูแนวโน้มการใช้จ่ายของภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเวลานี้เริ่มเห็นการใช้จ่ายกลับมาฟื้นตัวแล้วครึ่งหนึ่งจากก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ส่วนการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังและปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยการเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงต้องเดินหน้า เพราะหากภาคธุรกิจมีรายได้และความเชื่อมั่นมากขึ้น จะเริ่มเรียกคนกลับเข้ามาทำงานและมีการจ้างงานใหม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
สะท้อนภาพชัดเจนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายน ที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 มาอยู่ที่ระดับ 44.9 และเป็นดัชนีที่สูงสุดในรอบ 7 เดือนด้วย
โดยนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ บอกว่า การฟื้นตัวของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากมาตรการคลายล็อกดาวน์เปิดประเทศของรัฐบาลที่เป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศเริ่มลดลง หลังจากมีตัวเลขผู้รับวัคซีนมากขึ้นและจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลง รวมถึงความกังวลต่อการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนที่มีความชัดเจนว่าไม่ได้รุนแรงและไม่ส่งผลถึงกับชีวิตทำให้ประชาชนเริ่มคลายความวิตกกังวลและเชื่อว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะยังคงเดินหน้าต่อไปได้ ไม่มีการปิดประเทศล็อกดาวน์อีก ส่งผลกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าประเทศไทยมากขึ้น
คาดว่านักท่องเที่ยวในช่วงเดือนมกราคมปีหน้าจะอยู่ที่ 100,000 คน ส่งผลกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 1 และทั้งปีหากมีจำนวนนักท่องเที่ยว 5 ล้านคนตามเป้าหมาย เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 2-3 แสนล้านบาท ส่งผลบวกกับเศรษฐกิจของประเทศ และหาก “ช้อปดีมีคืน” เร่งใช้ได้ทันในช่วงปลายปีนี้จะยิ่งเป็นการเพิ่มเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจช่วงเทศกาลได้เป็นอย่างดี รวมถึงการผ่อนคลายให้ธุรกิจกลางคืนกลับมาเดินหน้าในการประกอบธุรกิจได้อีกครั้ง จะเป็นการสร้างบรรยากาศทำให้ประชาชนกล้าออกมาจับจ่ายใช้สอยกล้าใช้เงินมากขึ้นในช่วงเทศกาล
ซึ่งทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ คาดว่า ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ เศรษฐกิจจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.5 และทั้งปีขยายตัวได้ร้อยละ 1.3 โดยในปีหน้า เชื่อว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆฟื้นตัวชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 2 ทั้งปีจะสามารถเติบโตได้ร้อยละ 4.2 หรือ อยู่ในกรอบร้อยละ 3.5-4.5
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news