Home
|
ข่าว

นายกฯหนุนไทยเป็นฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า

Featured Image
นายกฯหนุนไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ย้ำบทบาทไทยในฐานะดีทรอยต์แห่งเอเชีย

 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของประเทศไทยมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง จากการขับเคลื่อนตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนอุตสาหกรรมก้าวหน้าที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะ ด้วยนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล ล่าสุด บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปานี ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 28,000 ล้านบาท

 

ยกระดับกระบวนการผลิตในโรงงานด้วยเทคโนโลยีและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ล้ำสมัย ถือเป็นการลงทุนในประเทศไทยครั้งใหญ่ในรอบ 25 ปี ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย มีมูลค่าการลงทุนสะสมกว่า 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 100,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ก็เริ่มลงทุนเดินหน้าผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจรที่ทันสมัย ซึ่งมีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และเป็นโรงงานแบตเตอรี่แห่งแรกที่มีกำลังการผลิตสูงถึง 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ในเขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พร้อมยังเตรียมขยายกำลังการผลิตสู่ 50 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปีตามแผนในอนาคต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ไทยเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดอาเซียนด้วย

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำให้ไทยรักษาความเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia) โดยให้เตรียมพร้อม Up-skill / Re-skill ของภาคการผลิตของไทย สร้างนวัตกรรมใหม่ สร้างเศรษฐกิจมูลค่าสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งเป็นทิศทางการผลิตของยานยนต์โลก รวมทั้งนำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และแก้ปัญหามลพิษ ฝุ่น PM 2.5 เพื่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

 

ทั้งนี้ ไทยตั้งเป้าหมายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า Zero Emission Vehicles หรือ ZEV จำนวน 725,000 คันต่อปี หรือร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ภายในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) โดยได้มีนโยบายในการดึงดูดและเอื้อต่อการลงทุนที่หลากหลาย อาทิการ สนับสนุนการลงทุนในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และการสนับสนุนให้เกิดธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ เช่น สถานีชาร์จ ธุรกิจซ่อมบำรุง และธุรกิจซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันอำนวยความสะดวกต่างๆ อีกด้วย

 

“รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญและได้กำหนดให้ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่เป็นหนึ่งใน อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ไทยยังคงความเป็น ดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia) เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างรายได้เข้าประเทศในอนาคต คาดการณ์ว่าในปี 2573 ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า ทั่วโลกจะสูงถึง 25 ล้านคัน โดยตลาดที่ขยายตัวชัดเจนและจะเป็นโอกาสของไทย คือ จีน ยุโรป สหรัฐฯ และอินเดีย”

 

นายกฯขอบคุณคนไทย หลังโพลยกเป็นนักการเมืองที่ครองใจ ส่วน “คนละครึ่ง” ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง

 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการที่สำนักวิจัยซุปเปอร์โพล ได้ทำการสำรวจด้านการเมืองภาพใหญ่ที่สุดแห่งปี 2564 โดยประเด็นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่น่าประทับใจและน่าพอใจที่สุดแห่งปี 2564 ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสะท้อนว่า ประทับใจและพอใจการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ด้วยผลงานที่ประสบความสำเร็จมากมาย การแก้ไขปัญหาจากวิกฤตการณ์ต่างๆ เช่น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ดำเนินมาตรการต่างๆ ด้วยการรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เดินหน้าเปิดประเทศ
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้

 

โดยนายกรัฐมนตรี พอใจหลังจากผลสำรวจดังกล่าว ยังระบุถึงผลงานของรัฐบาลที่น่าประทับใจ และน่าพอใจที่สุดแห่งปี 2564 ใน 3 อันดับแรก โครงการคนละครึ่ง ร้อยละ 50.4 อันดับที่ 2 เพิ่มกำลังซื้อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 12.6 และอันดับที่ 3 โครงการประกันรายได้เกษตรกร ร้อยละ 11.4 สะท้อนว่ารัฐบาลมาถูกทางในการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทย

 

ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการใช้จ่ายลดค่าครองชีพจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของรัฐทั้ง 4 โครงการ ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ รวมทั้งเพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ ประชาชนที่ลงทะเบียน “คนละครึ่ง เฟส 3 และยิ่งใช้ยิ่งได้” ไว้ สามารถใช้สิทธิได้อีก 10 วันถึงวันที่ 31 ธันวาคม นี้ เชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าว จะสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนและสร้างเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ
ช่วงปลายดีได้เป็นอย่างดี

 

 

 

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube