ครม.รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เพิ่มเพดานหนี้สาธารณะจากกรอบเดิมไม่เกิน 60% เป็นไม่เกิน 70% ต่อGDP
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบรายงานการทบทวนสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐพ.ศ.2561 ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2564 ได้พิจารณาพื้นที่ทางการคลัง ณ เพดานหนี้สาธารณะปัจจุบัน มีดังนี้คือ
1.สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) กำหนดเพื่อวัดระดับหนี้ ป้องกันไม่ให้กู้เงินมากเกินควร และไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินนโยบายการคลัง โดย ณ เพดานปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องไม่เกินร้อยละ 60 นั้น จะไม่สามารถรองรับการกู้เงินเพิ่มเติมในอนาคตได้
2.สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณกำหนดเพื่อวัดความสามารถในการชำระหนี้ ส่งเสริมให้มีการชำระหนี้และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ ควบคุมไม่ให้ความเสี่ยงในการปรับโครงสร้างหนี้สูงเกินไป และรองรับการกู้เงินด้วยการใช้เครื่องมือการกู้เงินที่หลากหลาย โดย ณ เพดานปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องไม่เกินร้อยละ 35 สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถบริหารจัดการได้ ทั้งนี้ควรส่งเสริมให้มีการบริหารความเสี่ยงด้านการปรับโครงสร้างหนี้และส่งเสริมให้รัฐบาลเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้
3.สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด กำหนดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกู้เงินต่างประเทศมากเกินควร โดย ณ เพดานปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ยังสามารถรองรับการกู้เงินต่างประเทศได้หากมีความจำเป็น และ 4.สัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ กำหนดเพื่อวัดความสามารถในการชำระหนี้ต่างประเทศ โดย ณ เพดานปัจจุบันกำหนดให้ต้องไม่เกินร้อยละ 5 ยังสามารถรองรับการกู้เงินต่างประเทศหากมีความจำเป็น
ทั้งนี้คณะกรรมการฯพิจารณาแล้วเห็นว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เงื่อนไขและสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมีความแตกต่างจากเมื่อครั้งที่มีการกำหนดสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องทบทวนสัดส่วนดังกล่าว โดยคำนึงถึงพื้นที่ทางการคลังที่เพียงพอซึ่งสามารถรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจและความจำเป็นหากต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต รวมทั้งความสามารถในการชำระหนี้ให้อยู่ในระดับมั่นคงตามเกณฑ์มาตรฐานสากล คณะกรรมการฯจึงมีมติเห็นชอบเพิ่มสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจากกรอบเดิมไม่เกินร้อยละ 60 เป็น ไม่เกินร้อยละ 70 สำหรับสัดส่วนอื่นยังคงเดิม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews