“จิรายุ”ยื่นมท.1ตรวจสอบคำสั่งตั้งกก.ตามนโยบายกทม.
“จิรายุ”ยื่น มท.1ตรวจสอบคำสั่งแต่งตั้งกรรมการติดตามนโยบายผู้ว่าฯ กทม. หวั่นขัดกันแห่งผลประโยชน์ ส่อว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทยพร้อมว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคเพื่อไทยร่วมกันยื่นหนังสือขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบข้อเท็จจริงคำสั่งแต่งตั้งกรรมการติดตามการปฏิบัติตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(ผู้ว่าฯ กทม.)ใช้อำนาจแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง ‘กรรมการติดตามนโยบายผู้ว่าฯ กทม.’ ที่อาจเป็นการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์และส่อว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ซึ่งผลให้เป็นการเสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์ศรีของตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. หรืออาจเป็นเหตุให้เสียหายอย่างร้ายแรงแก่ราชการในส่วนรวมของ กทม. ซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 52 (8) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และอาจเข้าข่ายปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หากตรวจสอบพบข้อเท็จจริงพบเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดต่อกฎหมายก็ขอให้ใช้อำนาจสั่งการให้ผู้ว่าฯ กทม.ยุติการกระทำดังกล่าวและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ด้วยการเสนอให้ผู้ว่าฯ กทม. พ้นจากตำแหน่ง พร้อมขอให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป
ทั้งนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ว่าฯ กทม. ได้กระทำการอันอาจเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยการแต่งตั้งหรือยินยอมมีการแต่งตั้งว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. ในแต่ละเขตบางคน ซึ่งไม่ทราบชัดเจนว่าเป็นบุคคลในทีมของผู้ว่าฯ กทม. หรือ ในทีมผู้สมัครผู้ว่า กทม. คนอื่น เป็นกรรมการติดตามนโยบายผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งอาจมีการอาศัยตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าวในการสั่งการผู้บริหารเขตหรือเจ้าหน้าที่ของกทม.เขตต่างๆร่วมกับตนเองในการลงพื้นที่หาเสียงให้กับตนเองโดยอ้างการติดตามนโยบายของผู้ว่าฯกทม.บังหน้าใช้ทรัพยากรบุคคลและทรัพย์สินของราชการเพื่อประโยชน์ในการหาเสียง
อีกทั้งยังมีการประชาสัมพันธ์นำเสนอในลักษณะที่ระบุให้ประชาชนทราบว่าตนเองเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. การแต่งตั้งบุคคลที่รู้ว่าเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. ให้เป็นคณะกรรมการติดตามนโยบายผู้ว่าฯ กทม. เช่นนี้ เป็นการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์และส่อว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งเป็นการกระทำต้องห้ามตามกฎหมาย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews