น้ำมันพืชแพงอีกยุค”ลุงตู่”ชักอยู่ยาก ลูกค้าไม่สู้ ผู้ประกอบการแบกภาระไม่ไหว
ตอนนี้ราคาสินค้าอะไรแพงขึ้นบ้าง เชื่อว่าหลายคนมีรายการสินค้าในใจมากมาย แต่สินค้าน้องใหม่มาแรงเวลานี้ คงหนีไม่พ้นสินค้าน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ราคาพุ่งสูงทะลุขวดละ 60 บาทไปแล้ว แซงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองที่ขายอยู่ขวดละ 55 บาท เกิดอะไรขึ้นกับสินค้าน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาตามสินค้าอื่นๆหรือไม่ เบื้องต้นมองตามหลักการ ตอบได้ว่าไม่ใช่ เพราะต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดเวลานี้ ผลปาล์มทะลายของเกษตรกรมีราคาสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์แบบที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนอยู่ที่กิโลกรัมละ 10-11 บาท จากราคาปกติที่เกษตรกรเคยได้รับ ผลปาล์มทะลายเฉลี่ยกิโลกรัมละไม่เกิน 4 บาท
ผลปาล์มราคาสูงเกษตรกรได้ประโยชน์ แต่ผู้ประกอบการผลิต และผู้บริโภค จะอยู่ร่วมกันอย่างไรไม่ให้เดือดร้อนในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รับรู้สถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดที่พุ่งสูงขึ้นและยอมรับว่า ราคาในปัจจุบันสูงขึ้นจริง จนส่งผลกระทบกับผู้บริโภค นโยบายในการสร้างสมดุล 3 ฝ่ายจึงเกิดขึ้น สั่งการให้กรมการค้าภายใน หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาจุดสมดุลของราคาให้ได้ ทำให้เกษตรกร ผู้ประกอบการผลิต และผู้บริโภค ต้องอยู่ร่วมกันได้ ไม่ให้ใครต้องแบกรับภาระ หรือเสียประโยชน์มากจนเกินไป และภายในสัปดาห์นี้ต้องมีความชัดเจน
น้ำมันปาล์มถือเป็นต้นทุนของสินค้าหลายชนิด ตั้งแต่รากหญ้าจนถึงนายทุน ไก่ทอดตลาดสดหรือไก่ทอดแบรนด์ดัง ต่างต้องใช้น้ำมันปาล์ม รวมถึงร้านอาหารริมทางสตรีทฟู้ด ลูกชิ้นทอด ไข่เจียว กล้วยแขก สินค้าที่ทุกคนจับต้องได้ ทุกวันนี้จะอยู่ได้อย่างไรหากต้นทุนหลักอย่างน้ำมันปาล์มราคาพุ่งไม่หยุด
โดยนางสาวประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ต้นทุนของผู้ประกอบการร้านอาหารพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำให้ขายของไม่ได้กำไร ถึงจะมีกำไรบ้างแต่ก็บางเต็มที วัตถุดิบในการประกอบอาหารปรับตัวสูงขึ้นเกือบทุกรายการ ทั้งเนื้อสัตว์ ผักสด รวมถึงน้ำมันปาล์มที่ใช้ในการประกอบอาหาร และไม่รู้ว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีการปรับขึ้นอีกมากน้อยแค่ไหน ร้านอาหารบางแห่งจำเป็นต้องปรับราคาขายเพิ่มขึ้นจานละ 5 บาท ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้กำไรสูงขึ้น แต่เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของผู้ประกอบการและก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมากนักเพียงแต่ประคองให้ยังคงเปิดร้านได้ต่อไป
ทุกวันนี้พูดได้ว่าผู้ประกอบการปรับตัวเต็มที่แล้ว หน่วยงานที่รับผิดชอบมองเห็นปัญหาและแนวทางแก้ไขหรือไม่ มีอำนาจต้องเร่งใช้ให้ถูกทาง แก้ไขปัญหาต้องเบ็ดเสร็จแบบบูรณาการ ไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เอาแค่สั่งตรึงราคาสินค้าไปวันๆ วิ่งไล่จับแต่ผู้ประกอบการตัวเล็ก เพราะที่สุดแล้ว ปัญหาจะกลายเป็นวัวพันหลัก ล้มทั้งกระดานแบบหมดทางเยียวยา ถึงเวลานั้นต่อให้มีอำนาจคงไม่สามารถฉุดให้ผู้ประกอบรายเล็กฟื้นกลับมาประกอบธุรกิจได้อีกครั้ง คงเหลือเฉพาะรายใหญ่ทุนหนาผูกขาดธุรกิจในประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews