คกก.โรคติดต่อ มีมติปรับ โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น พร้อมจัดตั้ง “คลินิกวัคซีนผู้ใหญ่” ให้บริการฉีดในโรงพยาบาลทุกวัน
วันนี้ (27 ม.ค. 65) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค, นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และคณะผู้บริหาร ร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ
นายแพทย์ศุภกิจ เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ มีมติเห็นชอบ 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประเด็นแรก กระทรวงสาธารณสุขจะบริหารจัดการให้โรคโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กินระยะเวลามากว่า 2 ปีแล้ว และลักษณะการระบาดมีทิศทางที่ดีขึ้น ไม่รุนแรง รวมทั้งอยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งเป็นไปตามหลักวิชาการ
ทั้งนี้ อยากให้โรคโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นด้วยตัวเอง โดยจะปล่อยระยะเวลาไปเรื่อยเรื่อยและมีการบริหารจัดการให้เป็นโรคประจำถิ่นต่อไป สำหรับโรคประจำถิ่น จะมีลักษณะการระบาดที่ไม่รุนแรง โดยอัตราการเสียชีวิตอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ไปจนถึงต่ำ เช่น หากป่วยแล้วเสียชีวิต จำนวนผู้ป่วย 1,000 คน จะเสียชีวิตเพียงหนึ่งคน ซึ่งจะต้องบริหารจัดการไม่ให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าหนึ่งคน สำหรับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน หากได้รับวัคซีนสองเข็มจะถือว่ามีภูมิต้านทานถึง 80% อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่จะผลักดันให้เป็นโรคประจำถิ่นคาดว่าน่าจะภายในปีนี้
ประเด็นที่สอง เนื่องจากประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนให้กับคนปกติได้มากขึ้น จึงมีการจัดสถานที่เฉพาะ เรียกว่า “คลินิกวัคซีนผู้ใหญ่” ซึ่งอาจจะมีการรวมเป็นฟังก์ชันเฉพาะของงานในรพ. ประชาชนสามารถวอล์คอินเข้ามาฉีดได้ทุกวัน โดยขณะนี้มีหลายแห่งเริ่มดำเนินการแล้ว แต่ที่มีการออกมติมาอีกครั้ง เนื่องจากเกรงว่าหลายจุดจะมีการปิดตัวลง เมื่อยอดการฉีดวัคซีนครบตามเป้าหมาย
นอกจากมติข้างต้น ก็มีการรายงานความก้าวหน้าของการให้บริการวัคซีน การออกหนังสือรับรอง รวมรายงานสถานการณ์ประจำวันการเฝ้าระวังสายพันธุ์โอไมครอนให้กับที่ประชุมทราบ ซึ่งขณะนี้ การแพร่ระบาดในประเทศไทยส่วนใหญ่ 90% เป็นสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว ส่วนบุคคลที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เป็นสายพันธุ์โอไมครอนทั้ง 100% รวมทั้งรับทราบแผนการฉีดวัคซีนเด็ก 5-11 ปี ซึ่งจะมีแนวทางการฉีดสองรูปแบบคือ school based และ hospital based
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews