ออกมาชิงดักคอเสียแต่เนิ่นๆสำหรับผู้นำฝ่ายค้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว บอสเพื่อไทย ที่จั่วหัวสร้างภาพน่ากลัวว่าได้กลิ่นการยึดอำนาจหรือรัฐประหาร โชยมาตามลม พร้อมประกาศคัดค้านและเรียกร้องผู้มีอำนาจ “อย่าได้คิดเอาวิธีการนี้ เพราะจะทำให้ประเทศจะล่มจม หากเกิดการรัฐประหารจะเป็นการสืบทอดอำนาจโดยเบ็ดเสร็จ วิธีการอื่นใช้ไม่ได้ เพราะยุบสภาไม่กล้ายุบ ประเภทยอมหักไม่ยอมงอ ตัวเองตาย ประเทศชาติตาย
ปฐมเหตุที่ทำให้หมอชลน่านออกมาเตือนไว้ล่วงหน้า เป็นผลพวงจากกรณี 21 ส.ส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ถูกขับออกจากพรรคทำให้สัดส่วนของเสียงข้างมากแปรปรวนมาก ส.ส. 21 คน กลายเป็นตัวแปรในการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ มีผลต่อองค์ประชุม ขณะนี้มี 473 เสียง ทั้งหมดในสภา เกินกึ่งหนึ่งคือ 238 เสียง ดังนั้น 21 เสียงแปรปรวนไปด้านใดด้านหนึ่งจะทำให้เกิดเสียงปัญหา
ทั้งนี้ ปมรัฐประหาร ก่อนหน้านี้ไม่นาน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก “10 ปรากฏการณ์การเมืองสำคัญที่จะเห็นในปี 2565” และในข้อที่ 10 ระบุว่า “อย่าคิดว่า รัฐประหาร จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น และอย่าคิดว่า รัฐประหารแล้วจะอยู่ได้”
ขณะที่หมอชลน่าน ดักคอได้ไม่ทันข้ามคืน ‘ลูกท็อป’นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีหมอชลน่านที่ได้กลิ่นรัฐประหารโชยมาว่า วันนี้ปัญหาต่างๆในประเทศเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า จากประสบการณ์ของตน ทุกครั้งตั้งแต่เล็กจนโตเห็นการปฏิวัติมาแต่ละครั้งไม่เคยมีกลิ่นโชยสักครั้ง และทุกครั้งที่ได้กลิ่นก็มักจะไม่มี แต่ทุกครั้งที่มีมักจะไม่มีกลิ่น ด้านแหล่งข่าวด้านความมั่นคง ก็ออกมายืนยันในทำนองเดียวกันว่า ทุกอย่างยังคงปกติขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ยังไม่มีเงื่อนไขใดที่จะเกิดการทำรัฐประหารได้ เพราะรัฐบาลยังสามารถบริหารงานได้ตามปกติ และงานสภาผู้แทนราษฎรยังเดินหน้าได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตามข่าวปล่อย ข่าวลือ เรื่องรัฐประหารนั้นมักจะเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองมีความวุ่นวาย หรือมีความสุกงอมของเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง หรืออาจจะเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแถวอำนาจของฝ่ายมั่นคง เหมือนเช่นเมื่อครั้ง บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบกเมื่อคราวขึ้นรับตำแหน่งใหม่ๆก็ต้องออกมายืนยันว่าโอกาสรัฐประหารเป็นศูนย์ วอนทุกฝ่ายอย่าสร้างเงื่อนไข
แต่ทุกครั้งที่มีการพูดถึง เรื่องรัฐประหาร ขึ้นมา ก็เหมือนการไปดิสเครดิต พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีจุดกำเนิดของอำนาจจากการรัฐประหารในปี 2557 และครองอำนาจสืบต่อมารวมกันจะ 8 ปีอยู่แล้ว ซึ่งถ้าวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว แม้เสถียรภาพของรัฐบาลจะไม่สดใส แต่ความขัดแย้ง ความรุนแรงยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นแตกแยกชัดเจน ฉะนั้นแล้วโอกาสที่รัฐประหารน่าจะเป็นศูนย์
จึงทำให้พล.อ.ประยุทธ์ เหลือทางเลือกแค่1. ลาออก หรือ2. ยุบสภาฯ โดยนักวิชาการชื่อดังอย่าง รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ระบุผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง “นิวส์วัน” ว่าบุคลิกของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ลาออกเด็ดขาด เพราะการลาออกหมายถึงการพ่ายแพ้ ดังนั้นยุบสภา” เป็นทางออกเดียวคาดอย่างช้าไม่เกิน มิ.ย. นี้ หลังแตกหัก “ธรรมนัส” เพราะหากปล่อยให้ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พ.ค. นี้ โอกาสแพ้มีสูง
ส่วนเจ้าตัว พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันหลายครั้งแล้วว่ายังไม่ได้คิดเรื่องของการปรับ ครม. ยุบสภา เพราะกฎหมายสำคัญก็ยังไม่เสร็จ ..ต้องติดตามว่า คำพูดของนายกรัฐมนตรีไทยจะเป็นจริงได้นานไปอีกสักเท่าไร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews