ศบค.ยังไม่มีรายงานโอไมครอนBA.2 รุนแรงกว่าเดิม กำชับทุกจังหวัดเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 ขณะเด็ก 5-12 ปีเริ่มสัปดาห์หน้า พบคลัสเตอร์โรงเรียนราชบุรี แล้ว 311 ราย
แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ covid19 (ศบค.) กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนอาจมีความตื่นตระหนกกับการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนBA.2 หรือเวอร์ชันล่องหน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และได้มีเน้นย้ำว่ายังไม่มีการรายงานชัดเจนที่น่าเป็นห่วง แม้จะมีการติดเชื้อ เกิน 14 รายแล้ว แต่ในเบื้องต้นยังไม่พบความแตกต่างทางพันธุกรรมสายพันธุ์โอไมครอนเดิม ซึ่งสิ่งสำคัญ แม้จะมีการรายงานในต่างประเทศว่า ทำให้การตรวจหาเชื้อยากขึ้น มีการหลบเลี่ยงการตรวจได้ง่าย แต่ทางกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้รายงานว่ายังคงสามารถตรวจหาเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนBA.2 ได้จาก ATK และRT-PCR ที่เป็นมาตรฐานสาธารณสุขไทย และสิ่งสำคัญยังไม่มีรายงานว่ามีความรุนแรงกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตามจะต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมจะมีการรายงานให้กับประชาชนรับทราบเป็นระยะ
ทั้งนี้ ได้มีการฝากทุกๆจังหวัด ในเรื่องของการให้บริการวัคซีนและเปิดรับจองการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปเข็ม 3 ที่ความประสงค์ที่จะฉีดวัคซีนแต่มีความลำบาก ในเรื่องของการเดินทางขอให้ทางโรงพยาบาลคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดช่วยวิเคราะห์พื้นที่และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ซึ่งที่สำคัญในส่วนของวัคซีนเด็ก ที่เดินทางมาถึงไทยวานนี้ (27 มค.65) ดังนั้นตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุข จะกำหนดให้มีการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กด้วย
ส่วนคลัสเตอร์โรงเรียนประจำหญิงล้วนในจ.ราชบุรี ที่มีการยืนยันของ สสจ.ราชบุรี มีผู้ติดเชื้อ รวมแล้ว 311 ราย ซึ่งเป็นกรณีที่ โรงเรียนประจำอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านในช่วงปีใหม่ และกลับมาในวันที่ 14-16 ม.ค.ซึ่งเมื่อนักเรียน กลับมาจากสถานที่แตกต่างกัน โรงเรียนได้มีการ ดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุข โดยการตรวจหาเชื้อด้วย ATK ในวันที่เดินทางกลับเข้ามาผลเป็นลบทั้งหมด 570 ราย รวมถึงครูด้วย แต่เมื่อตรวจซ้ำในครั้งที่ 2 วันที่ 23 ม.ค.65 พบว่า มีผลบวก 20 ราย โดยโรงเรียนมีแผนปฏิบัติการฉุกเฉินอย่างถูกต้อง
โดยรีบแจ้งไปทาง สสจ.จังหวัด และสั่งการให้ทีมกรมควบคุมโรค ลงไปให้ความช่วยเหลือด้วยการคัดแยกผู้ป่วย พร้อมแยกกักตัวสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในทันที และตรวจด้วยวิธี RT-PCR ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้ โดยได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว 26 ราย ส่วนอีก 285 ราย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม ทั้งนี้ในเบื้องต้นได้มีมาตรการปิดโรงเรียนไปก่อน ทำความสะอาดสอบสวนโรค และจัดการตามมาตรการที่เหมาะสม
แพทย์หญิงอภิสมัย กล่าวถึงความแม่นยำในการตรวจ ATK ว่า การตรวจ ATK มีความสำคัญ แต่ก็สามารถเกิดผลลบลวงไม่เกิน 10% แม้ผู้ป่วยจะมีเชื้อในร่างกายแล้ว แต่การตรวจATKอาจไม่ไวพอ จึงทำให้ผลออกมาเป็นลบ ดังนั้น จึงแนะนำว่า หากมีประวัติ ความเสี่ยงจากการเดินทางหลากหลายพื้นที่ มีการรวมกลุ่ม คนจำนวนมาก หรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ที่เคยมีความเสี่ยง และติดเชื้อยืนยัน ก็ขอให้กักตัวเป็นเวลา 7 วัน เมื่อครบเวลากักตัวแล้วสามารถไปทำงาน แต่ยังต้องแยกพื้นที่กับผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดคลัสเตอร์การติดเชื้อในโรงเรียนอาจทำให้ผู้ปกครองรู้สึกลังเล ไม่มั่นใจให้ลูกหลานไปโรงเรียน ดังนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงที่ประชุม ศปก.ศบค. มีความเป็นห่วงจึงต้องเน้นย้ำ ว่าเรายังคงต้องอยู่ร่วมกับโควิดสักระยะหนึ่งแม้ทิศทางนโยบายของต่างประเทศ
หรือองค์การอนามัยโลก (WHO)ได้ใช้มาตรการการอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ หรือที่เรียกว่า Smart Living With Covid-19 โดยศบค.ชุดใหญ่ มีทิศทางแนวโน้มที่จะผ่อนคลายมาตรการต่างๆมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่ความเสี่ยงลดลง โควิดยังคงอยู่แต่ เราจำเป็นต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจรวมทั้งให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิต ใกล้เคียงปกติให้มากที่สุด
ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. มีความเป็นห่วง รายได้มีการหารือร่วมกันอย่างเร่งด่วนในแง่ของการกำกับติดตาม มาตรการสถานศึกษาปลอดโควิดที่เข้มงวดชัดเจน พร้อมขอความร่วมมือผู้ปกครอง เพื่อให้บุตรหลานได้กลับเข้าสู่โรงเรียนและเป็นการสนับสนุนพัฒนาการของเด็กต่อไปได้
ส่วนการรับนักท่องเที่ยว Test and gold ที่จะเริ่มในลงทะเบียนวันที่ 1 ก.พ.นี้ แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าวว่าจะเป็นการเริ่มต้น ในการลงทะเบียน พร้อมเน้นย้ำว่าเมื่อนักท่องเที่ยว หรือคนไทยที่เดินทางกลับ จะมีกระบวนการ ประเมิน ตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งคงต้องใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน และอนุญาตให้เดินทางได้ แต่การประเมินจะต้องมีความเข้มงวดโดยกรมควบคุมโรค ต้องตรวจสอบหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะร่วมกับโรงแรม ที่พัก สถานประกอบการ ตรวจสอบ เกี่ยวกับการจองที่พักถูกต้องหรือไม่ และโรงแรมที่จองนั้นเป็นSHA+ หรือไม่ ซึ่งสิ่งสำคัญ นักท่องเที่ยวจะต้องปฏิบัติตาม มาตรการสาธารณสุขที่กำหนด ด้วยการตรวจRT-PCR ซ้ำครั้งที่ 2 ที่ต้องทำให้ได้ 100% นอกจากการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
ปัจจุบันกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า เรามีโรงพยาบาล ครูปฏิบัติการที่ให้บริการตรวจ RT-PCR กว่า 30 โรงพยาบาลทั่วประเทศ จะให้เหตุผลว่าไม่ได้ไปตรวจ เดินทางไปที่จังหวัดอื่นแล้วไม่ได้ เพราะจะมีการกำกับ โดยพื้นที่อย่างเข้มงวด หากตรวจพบว่ามีการติดเชื้อจะมีประกันคุ้มครองที่จะครอบคลุมการรักษา อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่เป็นภาระระบบสาธารณสุขไทย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews