สั่งตรึงราคาสินค้ามองจากมุมไหนใครได้ประโยชน์ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ราคาสินค้าล่าสุด การผลิตสินค้าในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น รวมถึงค่าบริหารจัดการต่างๆ โดยเฉพาะการขนส่งที่ได้รับผลกระทบเต็มๆจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น และยังคงมีทิศทางขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังคงไม่คลี่คลาย
ซึ่งนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ยอมรับว่า ภาคเอกชนมีความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว หากเทียบระดับความกังวัล 1-10 ตอนนี้อยู่ที่ระดับ 7-8 โดยความขัดแย้งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในระดับหนึ่ง เพราะไม่ใช่ประเทศที่เป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง แต่แน่นอนว่าจะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น แม้เวลานี้รัฐบาลมีมาตรการอุ้มราคาน้ำมัน แต่ถามว่าจะเอาอยู่หรือไม่หากมีผลกระทบจากเหตุการณ์ที่รุนแรง โดยยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรัฐบาลจะต้องพิจารณาถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับค่าไฟฟ้า และราคาก๊าซหุงต้มด้วย เพราะจะมีผลกับภาคประชาชนโดยตรง
ในขณะที่ราคาสินค้าทั่วไปนั้น แม้กระทรวงพาณิชย์จะออกมาระบุว่า ราคาสินค้าหลายรายการเริ่มมีการปรับตัวลดลง แต่ก็เป็นการปรับตัวลดลงจากราคาที่เคยสูงขึ้นมาก เช่น เนื้อหมู โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมายืนยันว่า เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน กระทรวงพาณิชย์จะยังคงขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ในการตรึงราคาสินค้าออกไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งก็ไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจนว่าจะยาวนานไปถึงช่วงใด
ทำให้เกิดคำถามว่า การบิดเบือนกลไกตลาด คุมราคาสินค้านานแค่ไหนจึงจะเหมาะสม สร้างสมดุลอย่างไร ไม่ให้ใครต้องแบกรับภาระฝ่ายเดียว ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก เห็นได้ชัดจากการ จัดการสินค้าน้ำมันปาล์มบรรจุขวด หลังจากราคาผลปาล์มของเกษตรกรปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาขายในปัจจุบันเป็นราคาที่ผู้ประกอบการผลิตให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคปลายทางได้รับผลกระทบมากนักและเกษตรกรยังคงขายผลผลิตได้ในราคาสูง การสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้น 3 ฝ่าย ที่ประกอบด้วย เกษตรกร ผู้ประกอบการผลิตและผู้บริโภค ถือเป็นเรื่องยาก เพราะตามโครงสร้างที่แท้จริงหากราคาผลปาล์มของเกษตรกรอยู่ที่กิโลกรัมละ 11 บาท น้ำมันปาล์มบรรจุขวดจะอยู่ที่ขวดละ 70-72 บาท แต่เวลานี้ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดขายในท้องตลาด เฉลี่ยขายอยู่ที่ขวดละ 59-63 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าโครงสร้างต้นทุน ส่วนต่างนี้ใครแบกรับภาระอยู่ และจะแบกได้อีกนานแค่ไหนไม่มีใครตอบได้
เพราะความเดือดร้อน แก้ปัญหาอย่างไร ขึ้นอยู่กับคนแก้ ว่าจะมองจากมุมไหนก่อน ..
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews