Home
|
ข่าว

นายกฯ เตรียมเปิดท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3

Featured Image
นายกฯ เตรียมเปิดท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ผ่านระบบออนไลน์ 28 ก.พ. นี้ เดินหน้าพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก สู่ความเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ทางน้ำของอาเซียนสู่เศรษฐกิจนานาชาติ และการบินสู่ประตูการค้า

 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล เพื่อเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน โดยในวันพรุ่งนี้ (28 ก.พ.65)นายกรัฐมนตรี กำหนดเป็นประธานเปิดโครงการฯ ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) ณ สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ผ่านระบบออนไลน์

 

นายธนกร กล่าวว่า โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดเตรียม โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขนส่งทางน้ำสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม และรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถและเพิ่มความจุในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลว ให้บริการรูปแบบท่าเทียบเรือสาธารณะ

 

โครงการดังกล่าว มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่หน้าท่า 550 ไร่ และพื้นที่หลังท่า 450 ไร่ ความยาวหน้าท่ารวมกัน 2,229 เมตร เป็นท่าเรืออุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่และทันสมัย มีการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร สามารถรองรับเรือบรรทุกขนาด 264,000 DWT เปิดให้บริการ 12 ท่า (ท่าเรือสาธารณะ 2 ท่า และท่าเรือเฉพาะกิจ 10 ท่า) โดยมีเอกชน 19 ราย เช่าดำเนินการเป็นท่าเรือ คลังน้ำมัน คลังสินค้า และโรงไฟฟ้า มีมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 55,400 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ

 

ช่วงที่ 1 เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) มูลค่าลงทุน 47,900 ล้านบาท

ช่วงที่ 2 จะเป็นการลงทุนพัฒนาก่อสร้างในส่วนของท่าเรือ(Superstructure) ซึ่งจะเปิดทีโออาร์ภายหลัง ใช้เงินลงทุนประมาณ 4,300 ล้านบาท และงานก่อสร้างพื้นที่หลังท่า จำนวน 150 ไร่ เงินลงทุน 3,200 ล้านบาท

 

“ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานของการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อรองรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเลียมเคมีและเคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมเหล็กครบวงจรอุตสาหกรรมพลังงาน (น้ำมันและก๊าซ) ก่อให้ประโยชน์ทั้งในมิติเศรษฐกิจ ได้แก่ การเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ทางน้ำของอาเซียนสู่เศรษฐกิจนานาชาติ และการบินสู่ประตูการค้า และมิติสังคม ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่ท้องถิ่นในด้านการจ้างงาน การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและสร้างงานสร้างรายได้ต่อไป”

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube