สาละวันเตี้ยลง ประชาธิปัตย์ เลือดไหลไม่หยุด คนเก่าทยอยออก คนใหม่ก็ไม่อยากเข้า
“ผมได้ทำหนังสือแสดงเจตน์จำนงในการเสนอตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในเขต 2 จังหวัดพังงา ผมทำหนังสือถึงท่านเลขาธิการพรรค และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบภาคใต้ เป็นไปตามข้อบังคับพรรค”
จากการแถลงข่าวของ “ราเมศ รัตนเชวง” เหมือนเป็นการบ่งบอก ตอกย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ กำลังมีปัญหาอีกครั้ง และอาจจบลงด้วยการสูญเสียบุคคลากรสำคัญไปอีก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีกว่าของค่ายสีฟ้า นับตั้งแต่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ก้าวขึ้นเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ ต่อจาก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ต้องเผชิญสภาวะเลือดเก่าไหลออก มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน หลายคนตัดสินใจก้าวเดินออกจากบ้านพระแม่ธรณีบีบมวยผม ในห้วงที่การเมืองส่งสัญญาณเตรียมพร้อมรับศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ท่ามกลางสถานการณ์ภายในที่คุกรุ่น และเกิดคำถามว่า สโลแกน ที่ผู้นำพรรคประกาศไว้ว่า “เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ” นั้นเป็นจริงหรือไม่ เพราะเมื่อย้อนไทม์ไลน์เลือดเก่าไหลออก ล้วนเป็นคนเก่าแก่ของพรรค
ไล่มาตั้งแต่
“กษิต ภิรมย์”อดีต รัฐมนตรีต่างประเทศ ลาออกเพราะเห็นต่างกับแนวทางของหัวหน้าพรรค
กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ทิ้งพรรคแม้จะเป็นสมาขิกตั้งแต่ ปี 2539
“กรณ์ จาติกวณิช” อดีตรัฐมนตรีคลัง ไปก่อตั้งพรรคกล้า ร่วมกับ “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” อดีต ส.ส. กทม.
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ไปก่อตั้งพรรคไทยภักดี
“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีต รัฐมนตรียุติธรรม ไปซุกปีกนายกรัฐมนตรี
วิฑูรย์ นามบุตร อดีตแกนนำภาคอีสาน ย้ายสังกัดไปภูมิใจไทย
นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าภาคใต้ ไปเปิดตัวในนามพรรคสร้างอนาคตไทย รวมถึง “ศิริศักดิ์ อ่อนละมัย”อดีต ส.ส.ชุมพร 6 สมัย ที่ล่าสุดประกาศหนุนพลังประชารัฐในศึกเลือกตั้งซ่อม
ต่อด้วย “นาถยา เบ็ญจศิริวรรณ” หรือ “นาถยา แดงบุหงา” อดีต ส.ส.กทม. เปิดตัวในฐานะว่าที่ผู้สมัครเขตสะพานสูง ในนามพรรคไทยสร้างไทย
และ “ถวิล ไพรสณฑ์” คนเก่าแก่ของพรรคและมือกฎหมายคนสำคัญ พลิกขั้วไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล
กระทั่งล่าสุด รุ่นเก๋าแห่งเมืองคอน“สุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช หลายสมัย ตัดสินใจปิดตำนาน 30 ปี ค่ายสะตอโบกมืออำลาบ้านหลังเก่าไปเรียบร้อย”
1.กษิต ภิรมย์ อดีต รัฐมนตรีต่างประเทศ ลาออก เพราะเห็นต่างกับแนวทางพรรค
2.กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
3.กรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีคลัง ไปก่อตั้งพรรคกล้า
4.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส. กทม.ไปร่วมก่อตั้งพรรคกล้า
5. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ไปก่อตั้งพรรคไทยภักดี
6.พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีต รัฐมนตรียุติธรรม ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
7.วิฑูรย์ นามบุตร อดีต รมว.พัฒนาสังคมฯ อดีตแกนนำภาคอีสาน ย้ายสังกัดไปภูมิใจไทย
8.นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต รมว.วัฒนธรรม อดีตรองหัวหน้าภาคใต้ ไปพรรคสร้างอนาคตไทย
9.ศิริศักดิ์ อ่อนละมัย อดีต ส.ส.ชุมพร 6 สมัย ไปสนับสนุนพลังประชารัฐ
10.นาถยา เบ็ญจศิริวรรณ อดีต ส.ส.กทม. ไปพรรคไทยสร้างไทย
11.ถวิล ไพรสณฑ์ อดีต ส.ส.หลายสมัย มือกฎหมายของพรรค ไปพรรคก้าวไกล
12.สุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ลากออกเพราะน้อยใจพรรค
สภาพการณ์ที่เกิดขึ้น แม้แต่ผู้ใหญ่คนสำคัญของพรรคอย่าง “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา ยังยอมรับว่า “ชื่อเสียง เกียรติภูมิพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นอย่างเดิม” ไม่ต่างจาก “หัวหน้าจุรินทร์” ที่แม้พยายามขายภาพความเป็นเอกภาพภายในพรรค ชูประเด็นการประสานคนรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ ก็ไม่อาจหยุดเลือดไหลได้
ซึ่งงานนี้ ไม่หมูอย่างที่คิด กกต.ยังไม่ทันได้ประกาศเขตเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ศึกชิงขอลงสมัคร สส.เขต ก็ปะทุเป็นระยะ “หัวหน้าจุรินทร์” ก็ทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร จนมีเสียงแว่วๆว่า คนเก่า และ ส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิมบางคนก็น้อยใจ จ่อซบพรรคอื่นอีกในสมัยหน้า ขณะบางคนก็ออกมางัดข้อ วัดกำลังภายในพรรค เพราะยุคนี้ ว่าที่ผู้สมัคร ต้องทำโพลคะแนนนิยมทุกเขต นับจากนี้ไปจนถึงระยะครบเทอมของรัฐบาล ก็นับได้ประมาณ 1 ปีเศษ คือระยะเวลาสูงสุด หรืออาจจะน้อยกว่านั้นหากมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น จึงต้องจับตาท่าทีของ “บิ๊กประชาธิปัตย์” เพราะอย่างที่รู้กันว่า “ผู้มากบารมี” ตัวจริงนั้นไม่ใช่ “หัวหน้า” แต่เป็น “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews