รัฐบาลมั่นใจเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง ปัญหารัสเซีย-ยูเครนยังไม่กระทบส่งออกไทย ด้านตลาดหลักทรัพย์ไทยยังคงได้รับผลกระทบน้อย
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าจากตัวเลขทางเศรษฐกิจชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทั้งด้านฐานะการคลังและฐานะการเงินโดยสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธ.ค.64 อยู่ที่ร้อยละ 59.88 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ณ สิ้นเดือน ม.ค.65 อยู่ที่ 242,772.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้ต่างประเทศระยะสั้นสูงถึง 3 เท่า อีกทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดปี65 คาดว่าจะกลับมาเกินดุลได้เล็กน้อยตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รัฐบาลยังมีเงินคงคลังเพียงพอต่อการใช้จ่ายที่จำเป็นและความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลยังอยู่ในเกณฑ์ดี
นายธนกร กล่าวอีกว่า วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงที่ผ่านมายังค่อนข้างน้อยและเป็นไปเพียงในระยะสั้น โดยปกติตลาดหลักทรัพย์จะมีความผันผวนตามสถานการณ์ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 1 มี.ค.65 สถานเงินทุนสุทธิของนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าในตลาดหลักทรัพย์ที่ 81,356.8 ล้านบาท สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทยังคงมีความแข็งแกร่ง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาทิศทางค่าเงินบาทโดยรวมยังปรับตัวแข็งค่าขึ้นที่ร้อยละ 2.10 จากต้นปี 2565 จากแผนการเปิดประเทศและตามสถานะเงินลงทุนสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าในตลาดหลักทรัพย์และตลาดพันธบัตรไทย ด้านการส่งออก ในเดือนมกราคม 2565 พบว่าการส่งออกในเดือนนี้ขยายตัว 8% หรือมีมูลค่า 21,258.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมูลค่านำเข้าขยายตัว 20.5% หรือมีมูลค่า 23,785 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการที่ส่งออกไทยขยายตัวเป็นบวกในเดือนแรก มาจากความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในรูปแบบ กรอ.พาณิชย์ในการผลักดันการส่งออกไทย รวมถึงการฟื้นความสัมพันธ์การค้าระหว่างซาอุดิอาระเบีย และยังมีการประเมินว่า ปัญหาสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนจะยังไม่กระทบกับการส่งออกไทยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
เนื่องจาก รัสเซียและยูเครนไม่ใช่ประเทศคู่ค้าหลักของไทย โดยในปี 2564 ไทยได้ส่งออกสินค้าสู่รัสเซีย และยูเครนมีมูลค่า 32,507.68 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.38 ของมูลค่าการส่งออกรวม) และ 4,228.78 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.05 ของมูลค่าการส่งออกรวม) หรือเป็นประเทศคู่ค้าลำดับที่ 36 และ 74 ของไทย ตามลำดับ ทางด้านการนำเข้า ไทยได้นำเข้าสินค้าจากรัสเซีย และยูเครนมีมูลค่า 55,659.65 ล้านบาท (คิดเป็น ร้อยละ 0.65 ของมูลค่านำเข้ารวม) และ 8,199.64 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.09 ของมูลค่าการนำเข้ารวม) ตามลำดับ หรือคิดเป็นประเทศคู่ค้าด้านการนำเข้าลำดับที่ 26 และ 57 ของไทย
ทั้งนี้นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ S-Curve รวมทั้งการลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลพลังงาน EEC การใช้มาตรการทางการเงินและการคลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจตลอดจนมาตรการผ่อนคลายการควบคุมการระบาดของโควิด และการปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ประชาชน ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กลับจากทำให้ระบบและโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ซึ่งหากวิกฤตรัสเซียยูเครน สามารถยุติลงได้โดยเร็ว มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงจะสามารถขยายตัวทั้งปี ที่ร้อยละ 3.5-4.5 ในปี65 ได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews