Home
|
ทั่วไป

กทม.พร้อมรับผู้ป่วยโควิด-19 แบบ OPD Case

Featured Image
กทม.พร้อมรับผู้ป่วยโควิด-19 แบบ OPD case -คลินิกทางเดินหายใจ ตามแนวทาง “เจอ แจก จบ” ของ สธ.

 

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้สร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนและผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้ามารับบริการในระบบผู้ป่วยนอก (OPD) หรือคลินิกทางเดินหายใจ (ARI Clinic) ของศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย และโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กทม. ตามแนวทางการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข แบบ “เจอ แจก จบ” โดยเฉพาะการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการรักษาและการจ่ายยาตามระดับอาการ วิธีปฏิบัติตนในการดูแลตนเอง รวมทั้งระบบการติดตามอาการและส่งต่อผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาในโรงพยาบาล หากมีอาการเจ็บป่วยรุนแรงขึ้น ซึ่งผู้ป่วยได้ยืนยันผลเป็นบวกด้วย ATK แล้ว และได้รับการประเมินแล้วพบว่าไม่มีอาการหรือความเสี่ยงจากปัจจัยต่อการเป็นโรครุนแรงหรือมีโรคร่วมสำคัญ โดยให้การรักษาเป็นผู้ป่วยนอก ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เมื่อขอเข้ารับการรักษาในระบบแล้ว แพทย์จะพิจารณาจ่ายยารักษา 3 สูตร ได้แก่ ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาฟ้าทะลายโจร ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ไอ ลดน้ำมูก ตามอาการของผู้ติดเชื้อ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ติดเชื้อในการเข้าถึงบริการ และเชื่อมโยงเข้าสู่โรคที่ดูแลได้ด้วยตนเอง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา

 

 

 

 

ในส่วนของศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย มีการให้บริการคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ (ARI Clinic) โดยให้บริการคัดกรองการติดเชื้อโควิด-19 ด้วย Professional ATK หากพบผลติดเชื้อ หรือประชาชนที่ตรวจคัดกรองการติดเชื้อด้วยตนเองติดต่อมายังศูนย์บริการสาธารณสุขโดยตรง จะมีการประเมินอาการโดยแบ่งกลุ่มตามความรุนแรงของโรคและปัจจัยเสี่ยง ตามแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 ฉบับปรับปรุง วันที่ 1 มี.ค. 65 สำหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งได้มีการประชาสัมพันธ์การปรับเปลี่ยนแนวทางการดูแลรักษาตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ร้อยละ 95 จะไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย และสามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้ตามความสมัครใจ โดยเจ้าหน้าที่ผู้ประเมินอาการจะแจ้งรายละเอียดในการแยกกักตัวที่บ้าน และจ่ายยาบรรเทาอาการให้ผู้ป่วย หากมีอาการแย่ลง ผู้ป่วยสามารถติดต่อกลับมายังศูนย์บริการสาธารณสุขได้ทันที เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาในแบบที่เหมาะสมตามดุลยพินิจของแพทย์ต่อไป

ทั้งนี้ สำนักการแพทย์ ได้เน้นย้ำในการป้องกันตนเองตามแนวทางปฏิบัติสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ในการให้คำแนะนำผู้ป่วยและการจัดบริการผู้ป่วยโควิด-19 แบบ HOME ISOLATION ฉบับปรับปรุง วันที่ 4 ม.ค. 65 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต้องแยกตัวเองจากผู้อื่นขณะอยู่ที่บ้านเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน นับตั้งแต่วันที่เริ่มป่วย หรือตรวจพบเชื้อ หากครบ 10 วัน แล้วยังมีอาการ ควรแยกตัวจนกว่าอาการจะหายไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง เพื่อลดการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น โดยมีข้อควรปฏิบัติดังนี้

 

1. ไม่ให้บุคคลอื่นมาเยี่ยมที่บ้านและงดการออกจากบ้านระหว่างแยกกักตัว

2. อยู่ในห้องส่วนตัวตลอดเวลา

3. หากจำเป็นต้องเข้าใกล้ผู้อื่น ต้องสวมหน้ากากอนามัยและอยู่ห่างอย่างน้อย 1 เมตร

4. หากไอจามขณะที่สวมหน้ากากอนามัย ไม่ต้องเอามือปิดปาก และไม่ต้องถอดหน้ากากอนามัยออก หากไอจามขณะที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ให้ใช้ต้นแขนด้านในปิดปากและจมูก

5. ถูมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ

6. กรณีที่เป็นมารดาให้นมบุตร ยังสามารถให้นมบุตรได้ แต่ควรสวมหน้ากากอนามัย และล้างมืออย่างเคร่งครัดทุกครั้งก่อนสัมผัสหรือให้นมบุตร

7. ใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่น หากจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน ให้ใช้เป็นคนสุดท้าย โดยปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำ

8. ทำความสะอาดห้องน้ำและพื้นผิวที่อาจปนเปื้อน เสมหะ น้ำมูก อุจจาระ ปัสสาวะ หรือสารคัดหลั่ง ด้วยน้ำและน้ำยาฟอกผ้าขาว 5% (เช่น ไฮเตอร์, คลอรอกซ์) โดยใช้น้ำยาฟอกขาว 1 ส่วน ต่อน้ำ 9 ส่วน

9. แยกสิ่งของส่วนตัวไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น

10. ไม่รับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น

11. ซักเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าขนหนู ฯลฯ ด้วยน้ำและสบู่ หรือผงซักฟอกตามปกติ

12. การทิ้งหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว และขยะที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง ให้ใส่ถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้สนิท ก่อนทิ้งขยะที่ฝาปิดมิดชิด และทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์ หรือน้ำและสบู่ทันที

 

 

 

อย่างไรก็ตาม หากพบว่าตนเองติดเชื้อสามารถเข้าสู่ระบบการรักษาโทร.สายด่วน สปสช. 1330 กด 14 สายด่วนศูนย์เอราวัณ 1669 กด 2 หรือสายด่วน EOC 50 เขต ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับการประเมินอาการ และเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็วที่สุด

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube