เป็นทายาทเพียงคนเดียวของแม่นกน้อย อุไรพร และพ่อหลอด หมอลำชื่อดัง เสียงอีสาน ที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาเปิดใจขายบ้านราคากว่า 70 ล้านบาท เพื่อนำเงินมารักษาอาการป่วยของพ่อหลอด ล่าสุดแป้ง ณัฐธิดา หรือแป้ง เสียงอีสาน หลานสาวของแม่นอกน้อยอุไรพร จึงตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจ เปิดตัวแบรนด์ ALIZA เพื่อหวังนำรายได้มาช่วยจุนเจือครอบครัว พร้อมเคลียร์ปมดราม่าที่มีคนบอกว่า แม่นกน้อยรวยร้อยล้านแต่ทำไมถึงเปิดรับขอบริจาคเงิน
“วันนี้ก็มาถ่ายโปรดักซ์ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ แบรนด์ เอลิซ่า (Aliza) แบรนด์นี้จุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงโควิดนะคะที่เราไม่ได้ออกไปแสดง เลยคิดว่าอยากจะมีธุรกิจที่จะมาเสริมหารายได้เสริมจุนเจือครอบครัว เลยเป็นแบรนด์นี้ขึ้นมา เลยอยากจะเก็บเงินก่อนหนึ่งสร้างธุรกิจ ปูทางในอนาคตช่วยพ่อใหญ่ แม่ใหญ่ค่ะ แบรนด์นี้เป็นเซรั่มที่ช่วยเรื่องริ้วรอยและสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิว ก็ฝากแบรนด์เอลิซ่า และฝากน้องแป้ง เสียงอีสานด้วยนะคะ เป็นหมอลำและเป็นทายาทแม่นกน้อยอุไรพรค่ะ”
“เริ่มต้นเลยคืออยากจะเป็นส่วนเล็กๆในการช่วยแม่นกน้อยและพ่อหลอด คือเป็นตากับยายของแป้งนะคะ คืออยากจะหารายได้เสริมเพื่อที่จะทำอะไรเพื่อท่านบ้างในช่วงแบบนี้ ที่ผ่านมาก็รับรู้ปัญหาเพราะว่าหนูเป็นคนที่อยู่ข้างแม่ใหญ่มาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นปัญหาภายในบ้าน ซึ่งตอนนี้ก็มีโควิดเข้ามาการงานก็เลยสะดุดไปช่วงนี้ค่ะ ก็ให้กำลังใจตลอดและอยู่ข้างข้างแม่ตลอดค่ะ ส่วนอาการของคุณพ่อตอนนี้อาการยังคงที่ยังอยู่ห้องไอซียู คุณหมอยังไม่ให้กลับบ้าน ก็ดูอาการไปเรื่อยๆ ส่วนมากก็จะเกี่ยวกับเรื่องหัวใจเป็นส่วนใหญ่ที่มีปัญหาค่ะ ซึ่งคุณพ่อก็ไม่ค่อยแข็งแรงมาประมาณเกือบ 10 ปีแล้วค่ะ เคยมีการผ่าตัดหลายครั้ง เข้าออกโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ มาพักหลังๆเริ่มแข็งแรงขึ้นเมื่อประมาณ 4-5 ปีได้ ปกติคุณพ่อก็จะเดินสายด้วย แต่พอช่วงป่วยก็จะให้อยู่ที่บ้านไม่ได้เดินสาย แต่พักหลังๆแกก็คิดถึงแกก็อยากไปเห็นบรรยากาศหลังเวทีก็เลยขอไปด้วย พอหลังจากที่ไปเดินสายมาพักหนึ่ง ก็มีอากาศก็ป่วยและได้เข้าโรงพยาบาลค่ะ ถามว่าอากาศน่าเป็นห่วงขนาดไหนก็น่าเป็นห่วงในระดับหนึ่งค่ะ แต่ตอนนี้ก็อยู่ในมือคุณหมอแล้วใกล้ชิดคุณหมอตลอด ในส่วนของค่าใช้จ่ายต่อวันก็ค่อนข้างสูงเหมือนกันค่ะ ตกวันละ4-5 หมื่นบาท ซึ่งตอนนี้คุณพ่อยังมีอาการเหนื่อยและในส่วนของหัวใจด้วย คิดว่าน่าจะต้องพักรักษาตัวเป็นเดือนอยู่นะคะ ตอนนี้ก็รอฟังคุณหมอค่ะว่ามีการปรับยาและในการให้ยาเพิ่ม”
แม่นกน้อย อุไรพร เป็นคนแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด?
“ ใช่ค่ะ ณ ตอนนี้ก็หลักแสนค่ะ ที่รักษาคุณพ่อตั้งแต่เริ่มเข้าโรงพยาบาลและต้องดูแลลูกลูกกว่า 300 ชีวิตที่เป็นบุคลากรภายในวงและตอนนี้ยังออกคอนเสิร์ตไม่ได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิดและเขายังไม่เปิดให้ไปแสดง ก็เลยเบรคไว้ เจ้าภาพก็โทรมาเลื่อนงาน บางงานก็ยกเลิกค่ะ ก็เลยกลายเป็นตกงานค่ะ”
แต่ก็มีดราม่าว่าแม่นกน้อยรวยล้านล้านแต่ทำไมถึงเปิดรับขอบริจาคเงิน เราในฐานะหลานที่อยู่ใกล้ชิดมาตลอด มีอะไรอยากชี้แจงไหม?
“จริงๆเราไม่สามารถห้ามความคิดคนได้ มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ แต่อยากให้มองว่ามันเป็นเรื่องของน้ำใจจากแฟนเพลง แฟนคลับแม่นกน้อย ซึ่งบางคนเขาผูกพันมาตั้งแต่เด็ก เขาเห็นเสียงอีสานมาตั้งแต่เขาเป็นเด็กจนเขาอายุเยอะมากขึ้นก็ยังมีเสียงอีสาน ยังมีแม่นกน้อยอยู่ไม่ว่าจะจากรุ่นสู่รุ่น ศิลปินคนเก่าไปคนใหม่มาก็เกิดเป็นความผูกพัน พอเขาเห็นข่าวนี้ที่พ่อป่วยเข้าโรงพยาบาล เขาก็เหมือนอยากช่วยค่ะ เป็นน้ำใจ เป็นการรวมพลังใจจากลูกๆ บางทีก็เป็นคนที่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน ก็พยายามรวบรวมและสร้างพลังขึ้นมา อยากให้มองว่าเป็นเรื่องของพลังใจมากกว่าค่ะ”
แม่มีเงินเก็บร้อนล้านอย่างที่เขาพูดจริงๆไหม?
“ ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและเศรษฐกิจแย่ลง การทำวงด้วย การทำงานในสายนี้มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้น เราต้องจ่ายทั้งบุคลากร ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ค่าน้ำค่าไฟเยอะแยะมากมายก็เป็นการจ่ายรายวัน”
ถ้าจะบอกว่าตอนนี้แม่นกน้อยเงินติดลบหรือยังพอมีเก็บหรือไม่มีเลย?
“ตอนนี้หรอคะ ก็…ต้องถามแม่ค่ะ เพราะว่าบาง อย่างหนูก็ไม่ได้ทราบเรื่องที่แท้จริงค่ะ เพราะว่าบางทีแม่แกจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยแสดงออก เวลามีเรื่องอะไรก็จะเก็บไว้ในใจนอกจากจะสุดจริงๆก็คือหนูไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้เลยนะคะ นอกจากจะมีเรื่องที่มันอึดอัดใจจริงๆถึงจะเห็นน้ำตาของแม่ เพราะว่าเห็นมาตั้งแต่เด็กแม่ใหญ่เป็นคนที่สู้มาตลอด สร้างกำลังใจให้ลูกหลาน ไม่ว่าจะเจอวิกฤติหรือว่าเจอปัญหาอะไรก็ตาม ก็จะพยายามสร้างกำลังใจและทำเป็นตัวอย่างให้เราดูและยิ้มได้ตลอด เป็นผู้หญิงที่อารมณ์ดีและพยายามปลุกจิตสำนึกให้ลูกหลานรักในสิ่งที่มีอยู่เป็นมรดก เป็นหมอลำ พยายามสร้างกำลังใจ เราก็รู้สึกว่าขนาดแม่เหนื่อยขนาดนี้ก็ยังยิ้มได้เราก็ต้องจับมือและเดินไปด้วยกันค่ะ แต่ครั้งนี้ก็คือสุดๆแล้วจริงๆค่ะ เพราะว่าพ่อก็เท่ากับเป็นเสาหลักของบ้าน เป็นตำนานเลยก็ว่าได้ เป็นคนสร้างเสียงอีสานตั้งแต่ยุคเริ่มต้นเป็นคู่บุญกันค่ะ”
มีโอกาสได้คุยกับแม่ไหมพอเป็นประเด็นดราม่า?
“ ก็ให้กำลังใจตลอดค่ะ อย่าคิดมาก ก็พยายามมองสิ่งดีดี เพราะบางทีเจอคอมเมนต์ในโซเชียลด้านลบบ้าง แกก็จะเก็บมาคิด หนูก็พยายามจะบอกว่าโลกโซเชียล ก็พยายามอย่าไปโฟกัสในสิ่งที่เป็นด้านลบมากค่ะ”
คอนเสิร์ตตอนนี้ออกแสดงไม่ได้ รายรับนิ่งเลยไหม?
“ตอนนี้รายรับไม่มีลยค่ะ ก็พยายามหาผลิตภัณฑ์ทำผลิตภัณฑ์ขึ้นมาขายออนไลน์และมีไลฟ์สดออนไลน์ให้คนซื้อบัตรเข้ามาชม ก็คือจะเป็นการแสดงอยู่ที่บ้านคือตั้งเวทีเหมือนเล่นคอนเสิร์ตเลยค่ะ แต่ว่าจะเป็นการไลฟ์สดในกลุ่มปิด เพื่อให้คนสนับสนุน เพราะว่าส่วนมากแฟนคลับเขาก็คิดถึงและอยากจะช่วยเขาก็ซื้อบัตรเข้ามาดูมาชมก็มีหมอลำมากมายจากภาคอีสานที่รู้ข่าวทราบข่าวก็อยากจะมาช่วยก็เป็นศิลปินจากหลากหลายเลย ไม่ว่าจะเป็น พี่ฝน ธนสุนทร พี่ก้อง ห้วยไร่ และศิลปินไทบ้านเดอะซีรี่ย์ และวงหมอลำประถมบันเทิงศิลป์ ระเบียบวาทะศิลป์ ก็มาช่วยกันก็ช่วยได้เยอะเลยค่ะได้ยอดประมาณ 200,000 ค่ะ”