พลันที่คดี ศาลฎีกา สั่ง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และสั่งตัดสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไป พร้อมสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ฐานฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน จ.ราชบุรี ซึ่งสำหรับนักการเมืองแล้ว นี้คือโทษหนักถึงขั้น “หมดสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต” ไม่ต่างอะไรกับ “โทษประหารทางการเมือง
นอกจากนี้แล้ว น.ส.ปารีณายังมีอีกหลายคดีอีกที่กำลังรอการตัดสิน ประกอบด้วยคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ กรณีไม่แจ้งการครอบครองที่ดิน จ.ราชบุรี ซึ่ง ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาไปเมื่อ 7 ก.ย. 2563 และยังมี คดีบุกรุกที่ดินป่าสงวน เนื้อที่ 711-2-93 ไร่ โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) แจ้ง 4 ข้อกล่าวหา หนักทั้ง ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน และความผิดตาม พ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ. 2520
สำหรับเรื่องของป่าสงวนนั้น ดูจะมีอาถรรพ์ เพราะทำให้คนมีชื่อเสียงหลายรายเดือดร้อนกัน อย่างเมื่อเร็วๆนี้ “สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” มารดาของ นายธนาธร จากค่ายก้าวหน้า ได้ออกมาเผยแพร่คลิปตอบโต้กรณีที่กรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 ก. ของนางสมพร และบุตรอีก 2คน คือนางชนาพรรณและนายธนาธร เนื่องจากพบว่าเป็นที่ป่าไม้ถาวร
นางสมพร ระบุว่า “ฉันมีที่ดินผืนนี้มา 30 ปี ไม่เคยมีปัญหาอะไร จนกระทั่งลูกชายมาทำงานการเมือง ลูกก็โดนยัดคดีร้ายแรงให้สารพัด ส่วนตัวฉันเองก็โดนร้องเรียนว่ารุกป่า เป็นเรื่องเป็นราวเป็นคดีใหญ่โต ฉันยืนยันตรงนี้ว่าที่ผืนนี้ ถึงจะซื้อมาถูกกฎหมายทุกประการ มีเอกสารสิทธิ์เรียบร้อย แต่อยู่มาวันหนึ่งรัฐบอกว่าผิด จะเพิกถอน ฉันไม่มีปัญหา แต่ต้องไปพิสูจน์ตามกฎหมาย ถ้าออกมาว่าเป็นป่าจริง ฉันยินดีคืนที่ให้ แต่อย่ามากล่าวหาว่าครอบครัวฉันโกงบ้านโกงเมืองเด็ดขาด”
ทั้งนี้ในเรื่องการดำเนินการคดีกับบุคคลที่บุกรุกป่านั้น สังคมเคยมีการตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการปฏิบัติ “สองมาตรฐาน” ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่าเหตุใดการดำเนินคดีนักการเมืองที่รุกป่าจึงเป็นไปอย่างล่าช้า ขณะที่ชาวบ้านกลับถูกตั้งข้อหาอย่างง่ายดาย และหลายรายถูกตัดสินจำคุกไปแล้วด้วยซ้ำ แม้ที่ดินที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกจะมีขนาดเล็กกว่ามากและแม้ชาวบ้านจะยืนยันว่าครอบครองที่ดินมาก่อนการประกาศเป็นเขตป่าอนุรักษ์ก็ตาม
ด้าน ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม คอลัมนิสต์ชื่อดังเคยเขียนบทความไว้ว่า “การรุกที่ป่าสงวนจำนวนมาก สะท้อนถึงความล้มเหลวในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม และไม่เสมอภาค เพราะไม่สามารถเอาผิดกับกลุ่มนายทุน นักการเมือง รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐอีกจำนวนมาก ที่รวมหัวกันเป็นอาชญากรเศรษฐกิจ แม้ว่า ช่วงไม่กี่ปีมานี้ เริ่มมีการทำคดีฟ้องรุกป่าขึ้นศาล เอาผิดให้บ้าง แต่ก็ยังน้อยเมื่อเทียบการรุกที่ป่าสงวนที่เกิดขึ้นจริง”
อย่างไรก็ตามเชื่อได้ว่ายังนักการเมืองหรือชนชั้นปกครองจอมเขมือบอีกมากที่มีพฤติกรรมกินป่ามายาวนาน เพียงแต่ยังไม่ถูกตรวจสอบ แต่ สักวันหนึ่งเมื่อกงล้อเวรกรรมวิ่งตามทัน ความจริงจะต้องถูกเปิดเผยออกมานั้นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews