Home
|
ข่าว

“ศิธา” ทดลองนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง จากดอนเมือง-อนุสาวรีย์ฯ

Featured Image
“ศิธา” ทดลองนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง จากดอนเมือง ไปอนุสาวรีย์ฯ พบต้องเปลี่ยนสายรถไฟฟ้าถึง 3 สายใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 1 ชม.

 

บรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียงของ น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย พร้อมผู้อำนวยการเลือกตั้ง กทม. นายประภัสร์ จงสงวน ร่วมทดลองนั่งรถไฟฟ้า โดยเริ่มต้นจากสายสีแดงที่สถานีดอนเมืองไปยังสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พบว่าการเดินทางจะต้องเปลี่ยนสายรถไฟฟ้าถึง 3 สาย จากสายสีแดงเปลี่ยนไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินที่สถานีบางซื่อ จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีจตุจักรเพื่อไปยังจุดนัดพบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เสร็จกิจกรรมใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 1 ชม. กับค่าโดยสารตกคนละ 85 บาท

 

ด้าน นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย จับคู่กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. นายปณิธาณ ประจวบเหมาะ ทดลองนั่งรถแท็กซี่ไปยังจุดหมายเดียวกัน ด้วยระยะทาง 24 กม. ด้วยความเร็ว 60 กม.ต่อ ชม. ใช้เวลาประมาณ 35 นาที กับค่าโดยสาร 175 บาท

 

ขณะเดียวกันยังได้ส่งทีมงานของพรรค ทดลองขึ้นรถเมล์ปรับอากาศจากป้าย รถเมล์หน้าสนามบินดอนเมือง ไปยังจุดนัดพบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วย ปรากฏใช้เวลาการเดินทางราว 1.20 ชม. กับค่าโดยสารคนละ 30 บาท

 

โดยหลังจบกิจกรรมน.ต.ศิธา ได้สรุปถึงปัญหาที่พบคือค่าเดินทางของคน กทม. ในแต่ละเดือนไม่ควรเกิน 15% ของเงินเดือน ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง รัฐบาล รวมถึง กทม. และภาคเอกชน จะต้องมีแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ทำให้ค่าเดินทางลดลง ส่วนสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีปัญหา หากเป็นไปได้ทุกหน่วยงานต้องพูดคุยกันเพื่อหาข้อยุติไม่ให้กระทบกับประชาชน พร้อมแสดงความมั่นใจว่าหากตนได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. นั้นจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องตั๋วแมงมุมแบบครบวงจรที่บัตรหนึ่งใบสามารถใช้จ่ายบริการขนส่งสาธารณะ และระบบสาธารณูปโภคทุกประเภทได้ทันที

 

นอกจากนี้ น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย ยังได้กล่าวถึงกรณีปัญหากระทบกระทั่งกับแกนนำพรรคเพื่อไทยในกลุ่มไลน์เก่าตั้งแต่สมัยอดีตนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และภายหลังถูกเตะออกจากกลุ่ม โดยยืนยันตนไม่ได้ติดใจ หรือมีปัญหาอะไร เพียงแต่อยากให้แกนนำพรรคเพื่อไทยคนดังกล่าวระบุให้ชัดว่าคนที่อ้างถึงคือใคร ที่บอกว่าไปกล่าวหาทำพรรคเพื่อไทยเสื่อมเสีย หรือไปโหนกระแสของพรรค แต่กลับมีกระบวนการเสี้ยมให้สมาชิกพรรครุ่นใหม่ๆออกมานำเสนอข่าวโจมตีคนอื่นแบบนี้ ซึ่งตนมองว่าเป็นการเมืองแบบเก่า มีอะไรควรพูดกันตรงๆอย่างชัดเจนดีกว่า

 

พร้อมบอกใบ้ถึงคนปล่อยข่าวว่ามีอยู่ไม่กี่คน แต่ตนไม่ขอเอ่ยถึง เพียงแต่อยากให้เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้หน่อย ไม่ใช่เอาแค่คอยแขวะคนอื่น ส่วนผลโพลความคิดเห็นประชาชนของสถาบันนิด้าล่าสุดที่ระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเลือกผู้ว่าฯ กทม. จากนโยบายของผู้สมัครนั้น ตน เชื่อว่านโยบายของผู้สมัครแต่ละคน ไม่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับใครจะหยิบยกเรื่องไหนขึ้นมาเน้น ให้เกิดประโยชน์ และแก้ไขปัญหาให้กับคน กทม. อย่างไรมากกว่า แต่ยอมรับว่าพรรคใหญ่ที่ส่งผู้สมัครมีความได้เปรียบกว่า ส่วนตนมีความตั้งใจ ที่จะทำงานสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ทำงานให้กับทุกฝ่ายไม่ขัดแย้งกับใคร และประชาชนจะเข้าใจ

 

ส่วนเรื่องการใส่ร้ายโจมตีกันทำลายป้ายหาเสียง ขอให้ลดการเอาชนะกัน และไม่ว่าใครจะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ตนก็ยินดีให้เอานโยบายของตนไปใช้ได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องบอกตำแหน่งอะไรให้เพื่อเป็นการตอบแทน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube