น้ำท่วมนราฯยังขยายวงกว้าง7ชุมชนโก-ลก

ความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมระลอก 2 ในพื้นที่ จ.นราธิวาส พบว่า บรรยากาศโดยทั่วไปท้องฟ้าเริ่มแจ่มใส และฝนได้หยุดตกเป็นเวลา 1 วัน แต่ยังปริมาณน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ยังคงมีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้ล้นตลิ่งอยู่ที่ระดับสูง 110 ซ.ม.ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ที่ปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มริมตลิ่ง ขยายวงกว้างจาก 2 ชุมชน เป็น 7 ชุมชน คือ ชุมชนหัวสะพาน ท่าโรงเลื่อย ท่าประปา ท่าชมพู่และชุมชนท่าบือเร็ง เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก โดยมีระดับน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 50 ถึง 100 ซ.ม. จากผลพวงของมวลน้ำในพื้นที่ อ.สุคิริน และ อ.แว้ง ที่ไหลลงมาสมทบเพื่อระบายลงสู่ทะเลด้าน อ.ตากใบ ล่าสุดมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวนกว่า 100 ครัวเรือน แต่ส่วนใหญ่ยังคงปักหลักอาศัยอยู่ที่บ้านพักบนชั้น 2 ทั้งนี้ พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.พล.ร.15/ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.ท.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 พ.ต.ธีรศานต์ ตระกูล รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก พร้อมด้วยแพทย์สนาม ฉก.นราธิวาส 30 ได้ร่วมลงพื้นที่ลุยน้ำไปแจกถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ ที่ชุมชนท่าเจ๊ะกาเซ็ง และท่าชมพู่ จำนวน 10 ครัวเรือน โดยส่วนใหญ่เป็นคนชรา ผู้ป่วยติดเตียงและอัมพฤกษ์ รวมทั้งนางกะมีร่า อาแวซาแต ซึ่งพึ่งคลอดลูกฝาแฝด 2 คน อายุเพียง 1 เดือน ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากสามีเป็นชาวมาเลเซีย ไม่สามารถที่จะเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวได้หลังจากเกิดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดในประเทศไทยและในมาเลเซีย แต่โชคดีที่ทุกวันนี้ยังมีเงินออมพอใช้จ่ายประทังชีวิต