สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันถือว่าเริ่มมีปัจจัยเสี่ยงที่น่ากลัว จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นบนภาวะความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน
ที่ผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งโลกและเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างยากลำบากบนความเสี่ยงที่อาจมีความเปราะบางในการฟื้นตัวแม้จะผ่านวิกฤตจาก โควิด-19 มาแล้วก็ตาม
โดยนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า จากปัญหาอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นทั่วโลก ถือเป็นปัจจัยที่น่ากังวลต่อเศรษฐกิจโลกในปีนี้ โดยปัจจัยหลักในการปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
ทำให้บางประเทศที่มีเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวแข็งแรงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ อาทิ เศรษฐกิจสหรัฐที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จนทำให้อัตราผลตอบแทนธนบัตรรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้นจากเดิมร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 2 แต่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่ยังคงมีความเปราะบางคงไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในระยะสั้นช่วงนี้
อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยในปีนี้แม้จะเร่งตัวขึ้นถึงร้อยละ 5 แต่ก็ไม่น่ากังวลมากเหมือนอย่างในสหรัฐ รวมทั้งการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินระยะสั้นในช่วงนี้คงยังไม่เห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเปราะบางในการฟื้นตัว
ด้านนักวิชาการอิสระอย่าง นายพรายพล คุ้มทรัพย์ เปิดเผยกับทางสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ปัญหาอัตราเงินเฟ้อเร่งตัว ในขณะนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากส่งผลกระทบทั่วโลกจากปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
ที่ทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น รวมไปถึงประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบไม่แตกต่างจากชาติอื่นๆทั่วโลกที่ต้องมีการนำเข้าทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน ในราคาที่สูงขึ้นจากปัญหาภาวะสงคราม ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น นอกจากราคาน้ำมันที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้น ยังมีเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวเช่นกันอาจทำให้ปัญหาดังกล่าวรุนแรงมากยิ่งขึ้นจึงถือเป็นเรื่องที่น่าจับตาและน่ากังวลในปีนี้
อย่างไรก็ตามมองว่าปัญหาดังกล่าวนั้นเห็นใจรัฐบาล เพราะถือเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากเหนือการควบคุมทางนี้คงหวังว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่จะกลับมาหนุนเศรษฐกิจ แต่จากปัญหาเงินเฟ้อดังกล่าวเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจขยายตัวไม่ถึงร้อยละ 3
ซึ่งจากทั้งกูรูด้านการเงินการธนาคารและนักวิชาการก็มองเป็นแนวทางเดียวกัน ที่ไม่แตกต่างว่าปัจจัยเงินเฟ้อยังถือเป็นความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจทั่วโลก คงต้องมาติดตามว่ารัฐบาลและธนาคารกลางของไทยจะมีมาตรการอะไรออกมารับมือเพิ่มเติมและฝ่าฟันวิกฤตในครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews