ศบค.ย้ำต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดต่อไป เปิดผับ ผ่อนคลายเพิ่มรอลุ้น ประชุมใหญ่ 20 พค. ขอความร่วมมือผู้ปกครองพาบุตรหลานฉีดวัคซีนก่อนเปิดเทอม
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าว สถานการณ์ ประจำสัปดาห์ ว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ จะมีภาคเอกชนและหน่วยงานต่างๆนำเสนอข้อมูล ศบค.ชุดเล็กเพื่อพิจารณา ก่อนเสนอเข้า ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 20 พ.ค.นี้
ซึ่งสอดคล้องกับกระทรวงสาธารณสุขที่ประกาศลดระดับเตือนภัยทั่วประเทศทุกจังหวัดที่จากเดิมระดับการเตือนภัยโควิดอยู่ที่ระดับ 4 เป็นระดับ 3 เป็นการพิจารณาให้สอดคล้อง กับสถานการณ์การติดเชื้อทั่วโลก แต่ก็ยังคงต้องมีการเฝ้าระวังจำกัดการรวมกลุ่มและไม่ถึงขั้นผ่อนคลายไปอยู่ในระดับ 1 ระดับ 2 ที่จะทำให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
สำหรับการรายงานผู้เสียชีวิตยังอยู่ในกลุ่ม 608 และไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรกถึง70% ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิต และผู้ที่เสียชีวิตในวันนี้ส่วนใหญ่ คือภาคอีสานจึงขอเน้นย้ำให้ไปฉีดวัคซีน ส่วประเด็นเกี่ยวกับร้านอาหารผับบาร์ต่างๆในต่างประเทศได้มีการเปิด ให้บริการตามปกติแล้ว และอีกหลายประเทศไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย
ซึ่งต้องเน้นย้ำว่า เราจะต้องยึดตามประกาศของ ศบค.ชุดใหญ่ และ การรายงานของกระทรวงสาธารณสุขไทยเป็นหลัก เพราะแต่ละประเทศถึงแม้จะผ่อนคลายมาตรการแต่หากไปดูการติดเชื้อและการเสียชีวิตยังคงสูงอยู่ โดยยกตัวอย่าง ประเทศสหรัฐฯ เพราะเมื่อมีผู้ติดเชื้อสูงแล้ว ก็มีสัดส่วนการเสียชีวิตสูงไปด้วย
นอกจากนี้ ศบค.ชุดเล็กได้มีการหารือกัน เรื่องการเปิดภาคเรียน ที่บางโรงเรียน จะเริ่มเปิดในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการรายงานถึงตัวเลขการฉีดวัคซีนนักเรียนใน 2ส่วน คือ กลุ่ม 12 ปีขึ้นไป มีนักเรียนทั้งหมด 5,114,503 คน มีความประสงค์ฉีดวัคซีน 4,474,211 คน คิดเป็นร้อยละ? 86.48 ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 4,274,155 คน คิดเป็นร้อยละ 95.53ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว 3,511,087 คน คิดเป็นร้อยละ 78.47 และฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แล้ว 56, 167 คน คิดเป็นร้อยละ 1.26 ส่วนในกลุ่มเด็กเล็ก 5-12 ปี มีนักเรียนทั้งหมด 5,263,106 คนมีความประสงค์ฉีดวัคซีน3,369,572 คน
คิดเป็นร้อยละ 64.02 ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 1,785,414 คน คิดเป็นร้อยละ 52.99 ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว 296,209 คน คิดเป็นร้อยละ 8.79 ซึ่งถือว่าน้อยเนื่องจากเปิดให้ฉีดวัคซีนทีหลัง จึงได้ขอความร่วมมือผู้ปกครองให้ความสำคัญ? โดยการพาบุตรหลานไปรับวัคซีนเพื่อลดอาการป่วยหนัก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของระบบ Thailand Pass สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ได้มีการปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ไม่ต้องมีการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ทำให้เกิดความรวดเร็วขึ้น หาก เอกสารหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ ก็จะสามารถอนุมัติโดยอัตโนมัติ แต่หากผู้ที่ยังรับวัคซีนไม่ครบ ไม่สามารถแสดงหลักฐานได้ ต้องรอประมาณ 48 ชั่วโมง เพราะต้องดูรายละเอียดในเรื่องของการกักตัว ซึ่งพบว่าตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่การเดินทางเข้าประเทศมากขึ้นพร้อมยืนยันว่า ยังคงใช้ ระบบ Thailand Pass ตอนนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่พร้อมรับข้อเสนอจากทุกภาคส่วน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
