@ในจังหวะการเมืองใหญ่ จับตาความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังเปิดสภา23พ.ค. โดยโฟกัสเป้าไปที่ “ศูนย์อำนาจ3ป.”โดยเฉพาะท่าทีความเคลื่อนไหวของ “2ป.”พี่ใหญ่-น้องเล็ก” “บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่”ที่วันนี้คนหนึ่งพึ่งกลับมาจากสหรัฐ
อีกคนหนึ่งวาปส์ไป “ฮานอย”ตุนแต้มหาเสียงเตรียมไว้สำหรับการเมืองสนามใหญ่ ไปพร้อมกับภาพชัยชนะของทีมชาติไทยในศึกซีเกมส์ที่เวียดนาม ในขณะ “การเมืองสนามเล็ก” ถนนการเมืองจับตา “ศึกเลือกตั้งผู้ว่ากทม.และสก.”ที่กำลังเข้าโค้งสุดท้ายหักศอก ก่อนถึงวันอาทิตย์ที่22พ.ค.
ที่คนกรุงเทพฯจะได้หย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ในรอบ5ปี ว่า จะเกิดเหตุการณ์ “พลิกเหลี่ยม”ชิงจังหวะ “ปล่อยมุข”ความขัดแย้งการเมืองภาพใหญ่ เขย่า “ตัวเต็ง”ตามโพล ให้เกิดอาการ “วูบสลบ”จบที่แพ้ก่อนเข้าเส้นชัย แบบที่เคยเกิดขึ้นครั้งที่แล้วตอน”สุขุมพันธ์”พลิกชนะ “พงศพัศ”หรือไม่
@ที่ก็เป็นไปตามคาดของนักวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ว่า ทรงโพลแบบ “ชัชชาติ”ยิ่งทิ้งห่างในทุกโพลมาตั้งแต่ต้นม้วน จะทำให้ มุก“ไม่เลือกเราเขามาแน่”แบบ“มัดรวมขั้ว” “ผู้สมัครผู้ว่าคนกันเอง”ในกลุ่มที่เคยร่วมต่อสู้มาด้วยกัน กลับมาปรากฏ และยิ่งโหมแรงในห้วง “โค้งสุดท้าย”
แบบที่มีความพยายามเชื่อมโยงกระแสต้าน “พี่โทนี่แลนด์สไลด์”อย่างที่ “อ.เสรี”ทีมพีอาร์ “นายกลุงตู่”โพสต์FBใบ้เลขแบบ “มัดรวมเลขชุด” “ถึงเวลาที่ต้องตัดสิน Strategic Vote แล้วนะคะ 3, 4, 6, 7 รวมใจกันเลือกเบอร์เดียว”
ในขณะบรรดา “ตัวละคร”ที่อยู่ระดับนำทั้ง ใน “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”(พธม.)ที่มีบทบาทไล่ “ทักษิณ”ปี2548 และ กลุ่ม กปปส.ที่มีบทบาท “ไล่ยิ่งลักษณ์”น้องทักษิณ ปี 2556 และรวมถึงบรรดาผู้คนที่เป็น “กองหนุนลุงตู่”ณพ.ศ.นี้
มากันแบบคนละทิศทาง ไปกัน“คนละเบอร์”โดย “ลุงจำลอง” “สนธิ ลิ้ม” “ส.ศิวรักษ์”และสายNGO เชียร์ “รสนา” “หมอวรงค์” เพจเชียร์ลุงตู่ เชียร์ให้เลือก “บิ๊กวิน” “ลุงกำนัน” “จุลเจิม ยุคล” กลุ่ม ดารา กปปส. เชียร์ “สกลธี”โดยนักวิเคราะห์มองว่าสายแข็งน่าจะเป็น “กองเชียร์กปปส.”
@กระนั้นมุกปลุกกระแสที่ว่ากลับยังไม่สามารถหยุดการนำของ “ชัชชาติ”ได้ ส่วนหนึ่งมีการวิเคราะห์ว่าคนกรุงฯเข็ดกับมุกเก่าปลุกกระแส “จำยอม”เลือก คนของ“เรา”เพราะกลัว “เขา” ที่ได้มาซึ่งคนเข้ามาทำงานไม่ได้จริง
อีกทั้งมีข้อมูลพอที่จะแยกแยะได้ แม้จะเริ่มเห็นผู้สมัคร “กลุ่มเลขชุด”จะเริ่มออกมาถล่ม“ตัวเต็ง”ในเชิงยุทธศาสตร์การเมือง ว่า เป็นผู้สมัครอิสระจำแลงแฝง“อันเดอร์พี่โทนี่”แต่ก็ดูจะไม่ได้ผลนัก อย่างที่ “เทพไท”วิเคราะห์ว่า “มุกไม่เลือกเราเขามาแน่”น่าจะแป๊ก
แถมฝ่าย “ผู้สมัครเลขชุด” อาจแพ้อีกฝั่งที่ถูกมองว่าเป็น “ฝ่ายโทนี่” ซึ่งมีตัวตัดคะแนนกันเองแค่2คนคือ “ชัชชาติ-วิโรจน์”ซึ่งน้อยกว่า “ฝ่ายเลขชุด”ที่ถึงเวลาเข้าจริง “แฟนคลับ”ของแต่ละคนในกลุ่มนี้ ไม่น่ายอมเทคะแนนให้คนอื่นที่ตัวเองไม่ได้สนับสนุน อย่างที่มีกุนซือเสนอกลยุทธ์
@กระนั้นนักสังเกตการณ์การเมืองหลายคนก็ ยังมองในมิติการเมืองภาพใหญ่ที่บางส่วนอาจแยกไม่ออกผ่าน “ศึกเลือกตั้งผู้ว่ากทม.”ดังเช่นที่ “ลุงกำนัน “พยายามออกมาบิ๊วอารมณ์ในจังหวะเดือนพ.ค.มีการรำลึกถึงเหตุการณ์แตกแยกรุนแรงในสังคมไทยจากการเมืองหลายรอบในอดีตที่แต่ละฝ่ายต่างถือ “ประวัติศาสตร์”
ในมุมที่ฝ่ายตัวเองต้องการให้เป็น ที่อีกด้านหนึ่งย่อมมีร่องรอยความรู้สึกถูกกดทับของบางฝ่ายโดยเฉพาะจากผลกระทบก่อนและหลังรัฐประหารครั้งล่าสุดปี2557 ที่ยังคงร่องรอยความโกรธไม่พอใจ และกลายเป็นความผสมผสาน ในจังหวะการสะท้อนผ่านการเลือกตั้งสนามเล็กที่จะเป็น “ตัวชี้วัด”การเมืองสนามใหญ่
ในขณะที่ “ความสมเหตุผล”กับความรู้ความสามารถหากเทียบกันแต่ละคนก็เป็นอีกส่วนสำคัญ ที่ทำให้แม้จะอยู่คนละฝั่งฝ่ายก็ทำท่าจะมีใจให้ แบบแยกแยะเชิงอุดมการณ์การเมือง ดังสะท้อนผ่านโพลนิด้า3รอบที่ผ่านมา อีกทั้งเอาเข้าจริง “ชัชชาติ”
นอกจากเตรียมตัวมาตั้งแต่ก่อนโควิด3ปีแล้ว ยังเฟดออกจาก “เงื่อนไขการเมือง”อย่าง พรรคเพื่อไทย แม้พรรคจะพยายามดึงความเกี่ยวข้องผ่านการส่งสมัคร สก.ก็ตาม. ที่กลายเป็นกระแสบวก
กับการแสดงตนเป็น “ผู้ว่ากทม.”ที่ไม่อยู่ในความขัดแย้งแบ่งฝ่าย ไม่แยก“เขา”หรือ”เรา” ที่ “เทนท์นี้”กำลังมา ตามทิศทาง “การเมืองสายกลาง”อย่างที่ “สมคิด” “สุดารัตน์”กำลังเดินหน้าพรรคตั้งใหม่ที่ “ไม่ขัดแย้งใคร”แต่มุ่งเข้ามาแก้วิกฤติเศรษฐกิจประเทศ ที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนอยู่ตอนนี้.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
