กระทรวงพาณิชย์ แนะเกษตรกรใช้ “ไม้ยืนต้น” เป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพิ่มสภาพคล่อง
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้นำคณะลงพื้นที่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณา จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของผู้ปลูกไม้กฤษณา ตำบลกะเฉด อำเภอเมืองระยอง รวมทั้งยังปลูกไม้ยืนต้นชนิดอื่นๆ ทั้ง ไม้สัก มะค่า ให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ที่สามารถนำไม้ยืนต้นที่มีค่า ซึ่งปลูกบนที่ดินกรรมสิทธิ์ มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เพื่อใช้เป็นทุนต่อยอดธุรกิจ หลังจากปัจจุบัน ได้มีการปลดล็อกให้ใช้ “ไม้ยืนต้น” ทุกชนิด เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นต้นสัก พยุง รวมไปถึงไม้ผลต่างๆ ทั้งทุเรียน มะม่วง และมะขาม แต่ยังมีการใช้ไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกัน เพียงร้อยละ 0.001 จากจำนวนหลักประกันทั้งหมด
โดยไม้กฤษณา เป็นเป้าหมายในการส่งเสริมให้ใช้สิทธิประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ เนื่องจากเป็นไม้ที่เกษตรกรหลายกลุ่มหันมาปลูกมากขึ้น เพราะมีการสกัดเป็นน้ำมันกฤษณา สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศอย่างมาก
ซึ่งจากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับตัวแทนเกษตรกรและประชาชน พบว่า ให้ความสนใจที่จะปลูกไม้ยืนต้นมากขึ้น เพราะสามารถใช้ขอสินเชื่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องตัดต้นไม้ ซึ่งตั้งแต่กฏหมายกำหนดให้ “ไม้ยืนต้น” เป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน มาตั้งแต่ปลายปี 2561 ปัจจุบัน มีสถาบันการเงิน และ ผู้รับหลักประกันอื่น เข้าร่วมแล้ว 361 ราย ทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. รวมถึงผู้รับหลักประกันอื่น อย่างผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ หรือ สินเชื่อรายย่อยอเนกประสงค์ ซึ่งนอกจากจะทำความเข้าใจกับกลุ่มเกษตรกรแล้ว ยังต้องให้ความรู้กับสถาบันการเงิน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินในประกอบการปล่อยเงินกู้ได้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการประกอบอาชีพต่อไป
ด้านเกษตรกรกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณา ย้ำว่า กลุ่มเกษตรกรสนใจ นำไม้ยืนต้นไปเป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันกู้เงิน เพราะดีกว่าใช้โฉนดที่ดิน ไปเป็นหลักทรัพย์ ซึ่งที่ผ่านมาขาดรายได้จากสถานการณ์โควิด-19 แต่ในทางปฎิบัติยังติดขัดในกระบวนการของสถาบันการเงิน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขเพื่อให้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจใช้ได้จริง
และหลังจากนี้ กรมฯ จะเดินหน้าประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชน และเอสเอ็มอี รวมไปถึงวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ ได้ใช้ประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ โดยเฉพาะในภาวะวิกฤตโควิด-19 พร้อมเร่งพัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้บริการประชาชนแบบเรียลไทม์ อาทิ ระบบการยืนยันตัวตนของผู้รับหลักประกันทั่วประเทศ โดยไม่ต้องมายืนยันตัวตนที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ได้มากที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnew