พิธา – พริษฐ์ ติงรัฐจัดงบฯ ปี 66 ไม่ตอบโจทย์การเป็นปีแห่งความหวังและฟื้นฟูประเทศ
พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรม “Hackathon งบ 66 : ร่วมออกแบบ #งบประมาณฉบับก้าวไกล ที่เราอยากเห็น” ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยมีประชาชนร่วมตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 และมีการนำเสนอหลังจากมีการแบ่งกลุ่มไปตรวจสอบงบฯ ในด้านต่างๆ ตามที่ตนสนใจ อาทิ เศรษฐกิจ เกษตรกร การศึกษา สาธาณสุข สวัสดิการ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน รายได้รัฐ ปลดล็อกท้องถิ่น เป็นต้น
โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า แผนการอภิปรายร่าง พ.ร.บ งบประมาณปี 2566 ต้องการที่จะชี้แจงให้เห็นว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการฟื้นฟูประเทศ เพราะด้วยปัจจัยไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานการณ์โควิดที่ทั่วโลกจากเคยมีผู้ติดเชื้อสูงสุด 4 ล้านคน ตอนนี้เหลืออยู่แค่ 5 แสนคน ขณะเดียวกัน อัตราเสียชีวิตก็ลดลง การฉีดวัคซีนก็เยอะขึ้น การท่องเที่ยวการเดินทางเริ่มกลับมา การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้คนมีความหวังผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งปีหน้าก็จะมีการเลือกตั้งใหญ่ด้วย และบทอวสานของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ครบ 8 ปีแล้ว ซึ่งอาจจะต้องสิ้นสุดลง ทั้ง 3 ปัจจัยนี้ คือ สิ่งที่ตนเห็นว่า คือ ความหวัง และต้องสร้างความหวังด้วยการจัดงบฯ ปีนี้ให้ดี เพื่อให้ประเทศไทยไปข้างหน้าและสามารถปรับตัวได้ใน 10 ปี แต่ถ้ายังจัดงบฯ แบบเดิมๆ ในทางตรงกันข้ามก็จะถอยหลังไปอีก 10 ปี เช่นเดียวกัน
ดังนั้น ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญมาก ทั้งนี้ เมื่อดูการจัดงบฯ ปี 2566 แล้วเปรียบเหมือนเป็นการจัดงบฯ ในลักษณะเป็นช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ เพราะหากดูที่ได้รับมากที่สุด คือ งบกลาง 8 แสนกว่าล้าน และนอกจากนี้ 80% ก็ถูกใช้ไปกับงบฯ บำนาญ และสวัสดิการข้าราชการ ส่วนหากดูงบฯ ที่ปรับสูงมากที่สุดเมื่อเทียบกับปีที่แล้วคืองบฯ รัฐวิสาหกิจ โดยหน่วยรับที่ได้สูงสุด คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. ซึ่งปรากฏว่า ก็เป็นงบฯ ที่จ่ายอุดหนุนการเกษตรที่ย้อนหลังไปจนถึงปี 2551 ซึ่งแทนที่จะเป็นการจัดงบฯ เพื่อฟื้นฟูไปสู่อนาคตแต่เป็นการจัดงบฯ ของอดีต
ส่วนกรณีงบฯ ส่วนใหญ่ที่ถูกใช้ไปกับการดูแลข้าราชการนั้น จะทำอย่างไรที่จะทำให้คล่องตัวขึ้น และที่คิดกันไว้ก็คือเรื่องของการกระจายอำนาจ ให้ข้าราชการไปสังกัดอยู่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้น และขณะเดียวกัน การทำให้สวัสดิการของประชาชนเพิ่มขึ้นก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ จะปล่อยให้งบบำนาญข้าราชการสูงกว่าสวัสดิการประชาชนคนชรา ถึง 57 เท่า อย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ก็จะเหมือนกับว่า เก็บภาษีจากประชาชนเพื่อมาดูแลรัฐราชการอุ้ยอ้าย ไม่สามารถตอบโจทย์ประชาชนได้ ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ควรรจะมีความหวัง เป็นปีแห่งการฟื้นฟู แต่การจัดงบประมาณไม่บอกเราอย่างนั้น ดังนั้น พรรคก้าวไกลคงไม่ยอมให้ผ่านวาระแรกไปได้
ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เป้าหมายในการทำงานงบประมาณในปีนี้ ไม่ใช่แค่การตั้งคำถามกับการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลอย่างเดียว แต่ยังเป็นการตั้งความหวังกับประชาชนด้วยว่า ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล มองเรื่องการจัดสรรงบประมาณอย่างไร และสำหรับการจัดงบฯ ในครั้งนี้ ถ้าถามถึงสิ่งที่ยังตกหล่นอยู่ ตนคิด 2 โจทย์ คือ เรื่องของเศรษฐกิจ ที่จะหาเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่ได้อย่างไรที่จะมาขับเคลื่อนไปเคียงข้างไปกับกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่จะต้องใช้เวลาปีนี้ในการฟื้นฟู แต่ก็เห็นว่างบฯ ปี 2566 นั้น งบฯ การลงทุนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ และยิ่งเมื่อไปดูรายละเอียดก็เห็นว่างบฯ ส่วนใหญ่ใช้ไปกับการสร้างถนนหนทาง และเรื่องสวัสดิการ ที่ประชาชนทุกช่วงวัยกำลังเดือดร้อนอย่างทั่วหน้า แต่เราก็ไม่เห็นว่างบฯ ปีนี้ถูกตั้งมาเพื่อดูแลประชาชนเหล่านั้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnew