นายกฯ รีบโต้ฝ่ายค้านยันไม่เคยรีดภาษีประชาชน
นายกฯ ของขึ้นอีกแล้ว รีบโต้ฝ่ายค้านบอกงง “นึกว่าถกงบพรรคการเมืองใหม่ ที่ยังไม่เป็นรัฐบาล” อย่าใช้เป็นเวทีหาเสียง ยันไม่เคยรีดภาษีประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงการอภิปรายงบประมาณ ว่า ขอบคุณที่ได้ร่วมอภิปราย ซึ่งเข้าใจดีว่าทุกคนมุ่งหวังให้ประเทศก้าวหน้าวันนี้นั่งไปก็รู้สึกงงๆ ไม่ทราบว่าเป็นการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 หรือพิจารณางบประมาณของพรรคการเมืองใหม่ ที่ยังไม่เป็นเป็นรัฐบาล ซึ่งอย่าใช้โอกาสนี้ในการหาเสียง เพราะผิดเวที
นายกฯ ชี้แจงต่อถึงการจัดเก็บรายได้ ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้อภิปรายไว้ โดยยกตัวอย่างประเทศที่มีรายได้สูง จำนวนประชากรน้อยกว่าไทย หรือไม่ถึง 10 ล้านคน เก็บภาษีร้อยละ 30 ส่วน ของไทย เก็บภาษีร้อยละ 10 ซึ่งเราไม่ได้เป็นหนี้ ไม่ได้เพิ่มอัตราภาษีขึ้นเลย เพราะรู้ว่ายังเก็บไม่ได้ รู้ว่าประเทศไทยยังไม่เข้มแข็งเพียงพอ อยากทราบว่าที่ผ่านมานั้นโดยเฉพาะคนที่อภิปรายรัฐบาล หารายได้ไม่เป็น มองย้อนกลับไปว่าตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาหลายปีก็จริง ทำอะไรไว้แล้วบ้าง สิ่งสำคัญคือการสร้างโอกาสให้เกิดการเข้าถึง ความเท่าเทียม
ส่วนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยได้อ้างว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลยนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนต่างๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ทั้งยังต้องแก้ไขกฎหมาย ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ได้หมดทุกอย่างและปฏิรูปกฎหมายก็เป็นหน้าที่สภา จะต้องพิจารณากฎหมายใดที่เป็นประโยชน์และจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อแผ่นดินต่อประชาชนก็ช่วยกัน ให้ผ่านไปให้เร็วๆ อย่ามัวแต่ขัดแย้งกันอยู่
ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่า โครงการที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นโครงการที่มาจากรัฐ ไม่ปฏิเสธ รับเข้ามาแต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาระดับล่างขึ้นมาด้วย ข้างบนก็ต้องมาตรวจสอบคัดกรองความถูกต้องไม่เช่นนั้นก็ติดคุก
สำหรับการปรับยอดหนี้สาธารณะ จำเป็นเพราะเห็นได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างไม่ว่าจะเป็นโควิด-19 การลงทุน จะต้องเป็นไปตามนี้เป็นไปตามนั้น ถ้าไม่ปรับจะไปได้หรือไม่ปรับแล้วผิดกฎหมายหรือไม่ หากผิดกฎหมายตนเองคงไม่ปรับ แต่หากจำเป็นก็ต้องปรับ เป็นการปรับแผนระยะปานกลาง 3 ปี หากดีขึ้นไม่มีอะไรก็ลดลงไปเท่าเดิมไม่ใช่แช่ไปตลอดชีวิต ทั้งนี้บอกแล้วว่านโยบายคืออยู่รอดปลอดภัย และพอเพียง ลดหนี้สินลดปัญหา ปลอดภัยทั้งสุขภาพปลอดภัยทุกเรื่อง ท้ายที่สุดคือการเกิดความยั่งยืน
ส่วนที่ระบุว่าใช้งบกลางมีไว้เหลือเฟือมากมาย นายกรัฐมนตรี เอาไว้ใช้เอง ไว้เอื้อประโยชน์ พูดอย่างนี้พูดแบบไม่มีหลักการอะไรเลย หลักการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินมีกฎหมายอยู่ทุกข้อทุกระเบียบใช้เงินตรงไหนอย่างไร ขอให้ตรวจสอบ ไม่เคยชี้ให้ทำโครงการนั้นโครงการนี้ ทำงานราชการมา 8 ปี รู้อะไรอีกเยอะแยะมากมายว่าที่ผ่านมานั้นเป็นอย่างไร ถูกครอบงำหรือไม่ ถูกสั่งการหรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดเรื่องนี้กับตน เพราะเป็นนายกฯ สั่งได้หมด สั่งถึงผู้ว่าถึงท้องถิ่น ทำนี่ทำโน่น ตนเองไม่เคยทำแบบนั้นกลุ่มจังหวัดเขาตั้งมาตั้งนานแล้ว เป็นช่องทางที่ตนเอาไปเติมให้ ไปประชุมขอมาตรงนั้นตรงนี้ที่ไม่มีงบประมาณประจำปีอยู่ตนก็ให้งบกลางลงไป ผ่านที่ประชุม กรรมการคัดกรองทุกอย่าง ตนต้องทำให้เกิดความโปร่งใส
“ตนขอชี้แจงเพียงเท่านี้ก่อน แต่จริงๆ แล้วตนพูดได้ทั้งวัน เพราะทำกับมือทำเอง โดยใช้คณะทำงานเป็นร้อย กี่คณะขึ้นมาจากข้างล่าง ไม่ใช่คิดเองคิดคนเดียวคิด 10 คน 20 คน ยังไม่ต้องประท้วงตนในตอนนี้” นายกฯ กล่าว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews