ผู้ว่าฯ กทม. ร่วมมือกรมราชทัณฑ์ส่งนักโทษลอกท่อ ยันใช้หลักสิทธิมนุษยชน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับกรมราชทัณฑ์ เรื่องการดำเนินงานล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำให้กับกรุงเทพมหานคร ว่า จากการลงพื้นที่ประชาชนบอกว่าการลอกท่อโดยกรมราชทัณฑ์คุณภาพดี ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ให้ผู้ต้องขังทำประโยชน์ให้กับสังคมและมีรายได้เพิ่ม ขณะเดียวกันได้มีการเน้นย้ำว่าในการจ้างผู้ต้องขังนั้นต้องคำนึงถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน ต้องปฏิบัติกับผู้ต้องขังเหมือนกับคนปกติ
นายชัชชาติ ยังกล่าวว่า ปัจจุบันมีท่อระบายน้ำที่ต้องลอกท่ออยู่ประมาณ 6,500 กิโลเมตร ของสำนักระบายน้ำดูแลมา 2,000 กิโลเมตร ยังคงเหลืออีกประมาณ 4,500 กิโลเมตร แต่ว่าในช่วง 4 เดือนที่เหลือขอปีงบประมาณนี้ ได้หารือแล้วว่าจะเริ่มให้กรมราชทัณฑ์ ดำเนินการในวันที่ 1 ก.ค. 2565 งบประมาณ 15 ล้านบาท ระยะทาง 100 กิโลเมตร แต่ความจริงตั้งเป้าไว้ 500 กิโลเมตร แต่ต้องดูในเรื่องของงบประมาณว่าจะเพียงพอหรือไม่ ซึ่งวันที่ 1 ก.ค. เป็นเพียงกรอบเวลา ที่ตั้งไว้แต่หากทำเร็วกว่านั้นได้ยิ่งดีเพราะน้ำท่วมไม่สามารถรอได้
นายชัชชาติ ยังระบุว่า เรื่องค่าจ้างมองว่าในส่วนของกรมราชทัณฑ์มีความเหมาะสม เป็นต้นทุนที่ไม่แพง ส่วนเอกชนมีการเอาราคาลงมาก แต่คุณภาพไม่ได้ ส่วนเรื่องราคาคุ้มไม่ได้มีการไปเปรียบเทียบกับ เพราะต้องคำนึงถึงเรื่องคุณภาพ
ทั้งนี้ การจัดจ้างเอกชนมาร่วมทำงานลอกท่อ จะอยู่ในการพิจารณาลำดับต่อไปตามความเหมาะสม เนื่องจากประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่า นักโทษจากกรมราชทัณฑ์สามารถลอกท่อได้อย่างมีคุณภาพ และเอกชนคุณภาพไม่ค่อยดี ซี่งจากนี้คงต้องเข้มข้นเรื่องการตรวจรับงาน
ขณะเดียวกันหากมีการลอกท่อจะเชิญประชาชนบริเวณนั้นออกมาดูด้วยจะได้รู้ว่ามีอะไรอุดตัน จะได้เห็นถึงปัญหาในการระบายน้ำ
ด้าน นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้กล่าวขอบคุณทาง กทม. ว่าขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจและให้โอกาสกรมราชทัณฑ์อีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ออกมาในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด-19 ระบาด พร้อมยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนกับผู้ต้องขัง และหากออกมาลอกท่อจะมีสวัสดิการให้ทุกด้าน เช่น เรื่องสุขภาพหากมีการเจ็บป่วยได้จัดเตรียมสวัสดิการไว้ดูแล รวมถึงเรื่องอาหารอบะเครื่องดื่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมองว่าการที่ผู้ต้องขังออกมาเป็นการปรับตัวของผู้ต้องขังก่อนพ้นโทษด้วย ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้จัดเตรียมพูดต้องขังไว้จำนวน 1,000 คน 10 เรือนจำ โดยเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม หากไม่เพียงพอจะพิจารณานักโทษชั้นดีมากและชั้นดี ส่วนกำไรที่กรมราชทัณฑ์ได้จาก กทม. 70% จะมอบให้ผู้ต้องขังเก็บไว้
ส่วนมาตราการป้องกันโควิด-19 มี การกำหนดมาตรการไว้แล้วว่า ผู้ต้องขังได้รับวัคซีนครบโดส / ผู้ต้องขังที่ออกมาต้องตรวจ ATK ทั้งเข้าและออก / ตอนที่มาอยู่ที่ไซต์งานจะไม่อนุญาตให้ออกไปซื้อของ รวมทั้งไม่อนุญาตให้ญาติเยี่ยม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews