“สุดารัตน์” จี้เเปรวิกฤตอาหารโลกเป็นโอกาสทองของไทย
“สุดารัตน์” ชี้ สงครามรัสเซียยูเครนยืดเยื้อกระทบพลังงาน อาหารโลก หวงคนตัวเล็กไทยได้รับผลกระทบ แนะเเปรวิกฤตอาหารโลกเป็นโอกาสทองของไทย
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan” ระบุว่า โลกกำลังปั่นป่วนเหมือนโดนพายุ ที่ถาโถม เข้ามาลูกแล้วลูกเล่า ซึ่งล้วนแต่กระทบถึงเศรษฐกิจทั้งสิ้น ตั้งแต่วิกฤตโรคระบาด จนถึงสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่มีสหรัฐสนับสนุน และมีท่าทีจะยืดเยื้อ
ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน และอาหารทั่วโลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่ตามมาคือปัญหา “เงินเฟ้อ” ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายของแต่ละประเทศต้องขยับขึ้น เพื่อสู้กับปัญหา เงินเฟ้อ ทั้งหมดคือสัญญาณที่ไม่ดีต่อสภาวะเศรษฐกิจโลก จนกรรมการผู้จัดการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้ออกมาพูดที่ World Economic Forum ว่า โลกกำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจที่ท้าทายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ราคาสินค้าโลกดีดตัวสูงขึ้น ร้อยละ 37 สูงสุดในรอบ 60 ปี
สำหรับประเทศไทย เป็นที่แน่นอน ย่อมได้รับผลกระทบซ้ำเติมสภาพเศรษฐกิจของเราที่ย่ำแย่อยู่แล้ว โดยเฉพาะกับประชาชน #คนตัวเล็ก ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ขณะนี้หนี้ครัวเรือนจ่อทะลุ 15 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปัญหาทั้งหมดเป็นสิ่งที่รัฐต้องตระหนัก และต้องมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้ดิฉันเห็นว่าเราควรเปลี่ยนวิกฤตครั้งนี้ โดยเฉพาะวิกฤตอาหารโลก ให้เป็น “โอกาสทองของไทย” ในขณะที่ประเทศต่างๆ กำลังกังวลกับปัญหาการขาดแคลนอาหาร จนหลายประเทศประกาศห้ามส่งออกอาหาร เพราะผลผลิตอาหารที่หายไปจากตลาด จากภาวะโรคระบาดและสงคราม จำนวนสูงถึง19-34 ล้านตัน ในปี 2565 และคาดการณ์ว่า จะสูงถึง43 ล้านตัน ในปี 2566 ซึ่งจะทำให้กระทบผู้บริโภคถึง 150 ล้านคน ทั่วโลก
แต่ประเทศไทยคือฐานการผลิตอาหารและสินค้าเกษตรที่ส่งขายไปทั่วโลกที่สำคัญ วิกฤตินี้จึงควรเป็น”โอกาสทองของคนไทย” โดยเฉพาะเกษตรกรไทยที่มีมากถึง 20 ล้านคนซึ่งลองดูสถิติตัวเลขการส่งออกสินค้าเกษตรไทย ในช่วง ม.ค. – เม.ษ. 2565 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 418,883 ล้านบาท เป็น 516,127 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.22%
รัฐจึงควรจะต้องเร่งวางแผนว่าอาหารแต่ละประเภทจะบริโภคภายในเท่าไหร่ จะผลิตเพื่อส่งออกเท่าไหร่ แล้วส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตตามเป้าหมาย โดยการช่วยสนับสนุนค่าปัจจัยการผลิตซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรจำนวนมากตัดสินใจไม่ปลูกข้าวหรือลดพื้นที่ปลูกข้าวลง เพราะสู้กับราคาปุ๋ยที่แพงขึ้นจากกระสอบละ 700 บาท ไปถึง 1,700-1,800 บาทต่อกระสอบไม่ไหว
ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่วางแผนและช่วยเหลือสนับสนุนไว้ตั้งแต่วันนี้ ไทยจะเสียโอกาสที่จะสร้างรายได้จากวิกฤตครั้งนี้อย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะเรื่องปุ๋ย ทั้งที่ประเทศเรามีแหล่งแร่โปรแตสใหญ่ที่เป็นหลักในการผลิตปุ๋ย จึงขอเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนให้มีการใช้โปรแตส ในประเทศไทยมาผลิตปุ๋ยให้กับเกษตรกร เพื่อลดราคาปุ๋ยลง
ในสภาวะที่ทั่วโลกกำลังมองหาแหล่งอาหาร รัฐบาลไทยต้องทำการตลาดล่วงหน้า พร้อมการสร้างราคาให้สินค้าเกษตร เพื่อให้เกษตรกรและผู้ผลิตผู้แปรรูปอาหารของเรา ได้มีตลาดที่แน่นอนและสามารถขายได้ราคาสูง อย่าให้โอกาสทองที่จะทำให้เกษตรกรและผู้ผลิตอาหารของเราที่จะมีรายได้ดีขึ้นและสามารถลืมตาอ้าปากได้ ต้องหลุดมือไป
ซึ่งถ้ารัฐไม่วางแผนให้ดี และลงมือสนับสนุนเกษตรกรและผู้ผลิตอาหารตั้งแต่วันนี้ ไทยก็จะสูญเสียโอกาสที่จะสร้างรายได้จากวิกฤตการขาดแคลนอาหารของคนทั่วโลกไปอย่างน่าเสียดายและถ้าเราไม่วางแผนให้ดีเราอาจจะเป็นประเทศที่ขาดแคลนอาหารเสียเอง หรือถ้าไม่ขาดแคลน ราคาอาหารที่เราผลิตเองอาจจะสูงขึ้นอีกจนส่งผลกระทบซ้ำเติมค่าครองชีพของคนไทยมากยิ่งขึ้น
ดิฉันหวังที่จะได้เห็นการเตรียมตัววางแผนของรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับแผนงบประมาณประจำปี 2566 เพื่อสนับสนุนการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารของไทย เพื่อแปรวิกฤติของโลกให้เป็นโอกาสทองของประเทศไทย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews