ตร.แถลงทลายเครือข่ายเงินกู้นอกระบบออนไลน์ “moneyday credit” คิดดอกเบี้ยสูงร้อยละ 45 ต่อเดือน พบเงินหมุนเวียนกว่า 454 ล้านบาท เร่งปิดเว็บฯ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอท.) ร่วมกันแถลงทลายเครือข่ายเงินกู้นอกระบบออนไลน์ “moneyday credit” พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 454 ล้านบาท สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 8 ราย ก่อนจะขยายผลจับกุมได้รวม 29 ราย ซึ่งกระทำผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” สำหรับของกลางที่สามารถยึดมาได้ คือ โทรศัพท์มือถือ, โน๊ตบุ๊ก ซิมโทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชี ฯลฯ
สำหรับพฤติการณ์ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2564 มีผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. กรณีที่ได้ทำการกู้ยืมเงินจากเว็บไซต์ www.moneydaycredit.com และชำระค่าดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด
จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ เปิดเว็บไชต์ www.moneydaycredit.com เพื่อชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปกู้เงิน โดยเน้นเป้าหมายไปที่กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMES) ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกกฎหมายได้ โดยขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อของเว็บไชต์ดังกล่าวไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตน และไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน
ในกรณีที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจฯ กลุ่มคนร้ายจะไปสำรวจกิจการเพื่อประกอบการพิจารณา เมื่ออนุมัติ กลุ่มคนร้ายจะโอนเงินไปให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงค์ทิ้งไปยังบัญชีธนาคารของลูกหนี้ โดยกลุ่มคนร้ายจะหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรกไว้ก่อน หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ ก็จะใช้วิธีการข่มขู่เพื่อให้ชำระหนี้
โดยเครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมาก ผู้กู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อวัน หรือร้อยละ 45 ต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 547.5 ต่อปี ถือเป็นการคิดดอกเบี้ยที่ ผิดกฎหมายเอารัดเอาเปรียบ ช้ำเติมประชาชน และผู้ประกอบธุรกิจฯ ในช่วงวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด 19
จนกระทั่งในวันที่ 15 มิ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. ร่วมกับกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ได้สนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจคันบ้านพัก และ สำนักงานของกลุ่มคนร้ายซึ่งอยู่ในพื้นที่รวม 5 จังหวัด ได้แก่ จ.จันทบุรี จ.ปทุมธานี จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา และกรุงเทพมหานคร จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายได้ 8 ราย
ทั้งนี้ ได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยที่น่าเชื่อว่าได้ร่วมกระทำความผิดมาทำการซักถามปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ร่วมขบวนการได้อีก จำนวน 21 ราย รวมผู้ต้องหา 29 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 (บก.ปอท.) ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหาย เป็นทั้งประชาชนและกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ ส่วนคนให้กู้มีเอกสารหรืออะไรที่ทำให้ผู้กู้หลงเชื่อ มองว่า คงไม่คิดว่าอะไรคือน่าเชื่อถือ น่าจะมองเพียงแค่ว่ากู้เงินแล้วให้เงินมา จากจำนวนเงินหมุน 454 ล้านบาท คาดว่ามีผู้เสียหายหลายร้อยราย ขณะนี้กำลังดำเนินการปิดเว็บไซต์ ส่วนแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น แอปพลิเคชัน ยืนยันว่ามีวิธีการจัดการ หากใครพบเห็นสามารถแจ้งเข้ามาได้ทันที และขณะนี้กำลังขยายผลไปถึงนายทุน ซึ่งมีข้อมูลนายทุนแล้ว เป็นคนไทย อยู่หวัดจันทบุรี เป็นนักปล่อยเงินกู้ และเป็นไปได้ที่เป็นการฟอกเงิน ยืนยันจะสอบสวนขยายผลต่อไปเพื่อดำเนินคดีอย่างแน่นอน
พล.ต.ท.จิรภพ ยังได้ฝากถึงพี่น้องประชาชนด้วยว่า อย่าได้ตกเป็นเหยื่อนายทุนหนี้นอกระบบ เพราะนอกจากจะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่สูงมากแล้ว ยังอาจโดนช่มขู่คุกคาม ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยในปัจจุบันนี้สถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายได้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อที่หลากหลาย และสะดวกมากยิ่งขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews