ลุงฉุกเฉิน เขินโควิด
@ขนานไปกับบรรยากาศคืนชีพเมืองทั้งมิติคุณภาพชีวิตไปจนถึงมิติเศรษฐกิจ กับภาพการ “คืนความสุข” ดนตรีในสวน ของหลายวง ที่กำลังผสมทุกเจนเรชั่น กำลังเป็นเทรนด์บันเทิงเบาๆศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เร้าไปสู่การเปิดเมืองกลับมาสู่การใช้ชีวิตปกติ หลังการมาของ “ชัชชาติ” ผู้ว่ากทม. ผู้แข็งแกร่งในปฐพี ที่เพิ่งมีโอกาสป๊ะหน้า “นายกฯลุงตู่” แบบชื่นมื่น เป็นครั้งแรกในการประชุมศบค.ศุกร์ที่ผ่านมา (17 มิ.ย.) อันเป็นจังหวะที่ศบค.มีมติส่งสัญญาน “โควิดขาลง” แปลงกายเป็น “โรคประจำถิ่น” พร้อมกับการนับถอยหลัง คนไทยจะสมัครใจ “เปิดหน้ากากเข้าหากัน” 1 ก.ค. ในจังหวะนั้นที่อีกไม่กี่วัน “นายกฯลุงตู่” แห่ง 3 ป. และ 10 รมต. มีคิวต้องถูก “ซักฟอก” จากฝ่ายค้าน (18-22 ก.ค.) ที่ “ลุงตู่” ยังดูชิลๆ แม้ก่อนหน้าจะปี๊ดบ้างหลังอ่านญัตติที่ใช้คำแรงก่นด่า โดยวันนีบอกนักข่าว ยังเหลือเวลาอีกนานเป็นเดือน
@กระนั้นในประเด็น “ขนานคู่” ไปกับอาการ “โควิดขาลง” จาก “สัญญานเปิดเมือง” ล้อไปกับการ “บิ๊วอารมณ์” จากคนกรุงเทพฯ ผ่านอาการแอ๊คทีฟเป็นสเต็ปจาก “ผู้ว่ากทม.” ด้านมุมหนึ่งน่าสนใจ กับการกลับสู่โหมดเรียกร้องของผู้คนตั้งแต่บนยันล่าง กับ ประเด็น เศรษฐกิจปากท้องที่วิกฤติลากยาวจากโควิดมา 2 ปี แถมโดนซ้ำเติมจาก “สงครามยูเครน” ที่ส่งผลกระทบด้านพลังงานและส่งผลตรงกับสินค้าค่าครองชีพที่สูงขึ้น ที่ก่อแรงกระเพื่อมไม่พอใจใน “รัฐบาลลุงตู่” ในจังหวะปลายรัฐบาลเหลือเวลาอีก 9 เดือนจะหมดวาระกลับสู่โหมดเลือกตั้ง ที่ดูจะไม่ทันใจคนเมืองที่เปรียบเทียบการทำงานของ “ชัชชาติ” ก็น่าสนใจกับ “สัญญานม็อบ” ในมิติประเด็นปากท้อง ที่เหมือนมีการรอจังหวะการผสมผสานไปกับ “ม็อบทะลุแก๊ส” ที่ออกมา “เปิด” ไล่ลุง แบบ “ดุดัน” บิ๊วอารมณ์คุกรุ่นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาแล้วหลายวันบริเวณแยกดินแดง
@ที่ประเด็นดังว่าน่าสนใจว่ากำลังมีการเชื่อมโยงไปถึงประเด็นการเรียกร้องให้มีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉินโควิด ที่ถูกขยายมาจากวันที่ 31 พ.ค.โดยจะไปสิ้นสุดที่ 31 ก.ค. แถมยังมีทีท่าจะขยายไปอีก โดยถูกมองว่า ไม่สอดรับกับสภาพ จังหวะการคลายตัวการเปลี่ยนสภาพโควิดเป็น “โรคประจำถิ่น” 1 ก.ค. เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ที่ในการประชุม ศคบ. ศุกร์ที่ผ่านมาไม่มีการแตะเรื่อง พรก.ฉุกเฉิน จน พรรคฝ่ายค้านก้าวไกล มีการกระซุ่นรัฐบาลให้ยกเลิกพรก.ฉุกเฉินได้แล้ว ที่ “นายกฯลุงตู่” วันนี้ (20 มิ.ย.) นอกจากจะกลับมา “รักษาระยะห่างนักข่าว” เพราะยังผวาโควิด ออกมาแบบผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน เผื่อเหลือเผื่อขาด ว่า การจะเลิกพรก.ฉุกเฉิน ต้องพิจารณาถึงเหตุผลความจำเป็น ที่ผ่านมาการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อบูรณาการทุกหน่วยงานทั้งพลเรือน ตำรวจและทหาร ไม่เพียงพอต่อการบูรณาการ เพราะต้องใช้คนทั้งหมดมาทำงาน ซึ่งมีผลมาถึงวันนี้ในเรื่องประสิทธิภาพ ฉะนั้นต้องไปดูว่าจำเป็นอีกหรือไม่ แต่ หากจะยกเลิกไปก็เหลือแต่กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข จะทำไหวทุกอย่างหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์มากน้อยเพียงใด ตนไม่ได้อยากบังคับใครทั้งสิ้น
@ทั้งนี้ประเด็น “พรก.ฉุกเฉินโควิด” ที่ด้านหนึ่งส่งผลกระทบกับการดำเนินไปสู่การเปิดเมืองเปิดประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจ เริ่มกำลังถูกประเมินจากหลายฝ่ายว่า “พรก.ฉบับนี้” ยังมี “ความจำเป็น” หรือไม่ โดยเริ่มมีการจับผิด การนำไปใช้ในทางการเมืองในการป้องกันการถูกม็อบกดดันของรัฐบาลในประเด็นปัญหาต่างๆยิ่งในจังหวะกำลังมีการ “ปั่นเรตติ้ง” มองข้ามช็อตไปยังศึกเลือกตั้งครั้งหน้าของทุกฝ่ายการเมือง และจังหวะการเข้าโหมดเวทีซักฟอกรัฐบาลกลางเดือนก.ค. ไม่แต่เฉพาะ “ม็อบเด็ก” “ม็อบทะลุแก๊ส” ผ่านโหมด “ความมั่นคง” อย่างที่ล่าสุด ก็มีการใช้ตั้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีผู้ชุมนุม ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามพรก.ฉุกเฉินกับ “ม็อบทะลุแก๊ส” ทั้งการตั้งข้อหาอาทิ ม.140 ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยมีอาวุธ ม.215 มั่วสุมกันสิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายก่อความวุ่นวาย ม.216 ไม่เลิกชุมนุมตามคำสั่ง และมีการจับจริงคุมขังจริง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews