“ทนายรณรงค์” พาแม่เด็กออทิสติก วัย 8 ขวบ ร้องกองปราบ อ้างถูกศูนย์รับเลี้ยงทารุณกรรม คาดมีเด็กถูกทารุณอีก แต่ศูนย์ฯจ่ายเงินปิดปาก ด้านแม่เด็ก เผย หลังเกิดเหตุลูกหวาดกลัว-ไม่พูด
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พานางเอ (นามสมมุติ) แม่เด็กออทิสติก วัย 8 ขวบ เดินทางเข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อดำเนินคดี กับเจ้าของศูนย์รับเลี้ยงกระตุ้นพัฒนาการเด็ก ในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นแพทย์จิตเวชโรงพยาบาลรัฐชื่อดังย่านปทุมวัน และครูผู้ดูแลรวม 3 คน หลังพบว่าลูกสาววัยแปดขวบซึ่งเป็นเด็กออทิสติก ถูกทารุณกรรมระหว่างการฝากเลี้ยงอยู่ที่ศูนย์ ดังกล่าว
แม่เด็ก เล่าว่า เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 63 ตนเองได้นำลูกสาวไปฝากเลี้ยงและกระตุ้นพัฒนาการที่ศูนย์ดังกล่าว ซึ่งช่วงแรกไม่พบความผิดปกติ จนกระทั่งช่วงต้นเดือนมกราคม 64 ที่มีการห้ามเข้าเยี่ยมเนื่องจากสถานการณ์โควิด โดยจะเข้าเยี่ยมได้ต้องมีการฉีดวัคซีนสองเข็มทำให้ตนเองไม่สามารถเข้าเยี่ยมลูกได้
จนกระทั่งวันที่ 27 เมษายน ตนเองได้ไปรับลูกเพื่อที่จะกลับต่างจังหวัด โดยครูที่ศูนย์ดังกล่าวแจ้งว่าลูกของตนมีแผลที่ข้อเท้าเนื่องจากการแพ้ถุงทรายถ่วงน้ำหนัก ที่ลูกสาวต้องใส่เนื่องจากเป็นเด็กเดินเขย่ง แต่เมื่อถึงบ้านที่ต่างจังหวัดตนได้ตรวจสอบแผลอย่างละเอียดอีกครั้งจนพบว่า ลูกของตนนั้นมีแผลที่ข้อเท้าข้างเดียว ทั้งที่ใส่ถุงทรายถ่วงน้ำหนักสองข้าง
และเมื่อพาไปอาบน้ำก็พบว่าลูกยังมีแผลตามร่างกายอีกหลายจุด รวมถึงที่ก้นและบริเวณอวัยวะเพศ ลักษณะเป็นแผลติดเชื้อ เมื่อสอบถามไปทางครูผู้ดูแล ก็อ้างว่าไม่เคยเห็นและไม่เคยเปิดดูบริเวณก้นเด็ก ซึ่งคาดว่าอาจเป็นการแพ้ผ้าอ้อม แต่ส่วนตัวมองว่าลูกของตนดูแลตนเองไม่ได้ ดังนั้นผู้ดูแลควรที่จะเห็น หากไม่เห็นก็แสดงว่าไม่ได้ดูแลความสะอาดให้ลูกของตนเลย ซึ่งเมื่อพาลูกไปหาหมอ หมอก็สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากความไม่สะอาดของผ้าอ้อม
หลังจากเกิดเหตุลูกของตนมีความหวาดกลัวหวาดระแวง ไม่พูดไม่ส่งเสียง มีอาการหวาดกลัวและซึม น้ำหนักลดลง ซึ่งครูอ้างว่าลูกไม่กินข้าวทั้งที่เป็นเด็กกินเก่ง โดยเมื่อตัวเองตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดี ทางเจ้าของก็มีการติดต่อมาขอไกล่เกลี่ย และชดใช่ค่าเสียหายให้ตามที่แม่เรียกร้อง
พร้อมยอมรับว่า มีการผูกล่ามข้อเท้าลูกของตนจริง ๆ เนื่องจากลูกนั้นอยู่ไม่นิ่งและครูต้องดูแลเด็กคนอื่น แต่ตนเองไม่ยอมรับเงื่อนไขและยืนยันจะดำเนินคดีเพราะรู้สึกเสียใจกับการกระทำดังกล่าวของผู้ดูแล อีกทั้งค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระให้กับทางศูนย์ ตกเดือนละกว่า 20,000 บาท ยังไม่รวมค่าผ้าอ้อมและยา ซึ่งหากรวมทั้งหมดน่าจะมากกว่า 300,000 บาท แต่ลูกกลับถูกทารุณกรรมเช่นนี้
ทนายรณรงค์ ยังกล่าวว่า เบื้องต้นจะให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหา ทำร้ายร่างกายโดยการทารุณกรรม และแสวงหากำไรจากเด็กซึ่งหลังแม่เด็กแจ้งความ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ ไปตรวจสอบศูนย์ดังกล่าว จนศูนย์สั่งปิดชั่วคราว แต่หลังจากนั้นตำรวจก็ไม่สามารถสอบปากคำผู้ปกครองของเด็กไปที่เหลือในศูนย์อีก 10 คนได้ เพราะผู้ปกครองของเด็กคนอื่น ๆ ไม่ติดใจเอาความ ทำให้ส่วนตัวเชื่อว่า น่าจะมีเด็กถูกทารุณหลายคนแต่ทางศูนย์ฯ พยายามจ่ายเงินเพื่อปิดปาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews