อีกหนึ่งวันที่หอมหวลอบอวลไปด้วยกลิ่นความรักไม่แพ้วันวาเลนไทน์กับ National Kissing Day หรือวันจูบแห่งชาติ ที่การจูบเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความรู้สึกดีๆ และความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างหนึ่ง ที่ไม่ใช่แค่ในเชิงโรแมนซ์แบบคู่รักเท่านั้น แต่รวมไปถึงความรักแบบครอบครัว จนถูกยกเป็นสิ่งสำคัญประจำวันที่ 22 มิถุนายนของทุกปี
มนุษย์จูบเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่
ความหอมหวานแบบไร้น้ำตาลของการจูบนี้ เคยมีนักมานุษยวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามหา ที่มาของการจูบ ว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน ทำไมถึงกลายเป็นวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ยังไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนข้ามพรมแดนกัน
โดยทฤษฎีหนึ่งมองว่า การจูบพัฒนามาจากการแบ่งอาหารหรือป้อนอาหารลูกตัวเองด้วยริมฝีปากของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งก็อาจเป็นไปได้กึ่งหนึ่งเพราะมนุษย์เองก็เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเช่นเดียวกัน แม้จะวิวัฒนาการร่างกายมีมือมีแขน 2 ข้าง การใช้ปากยังเป็นสิ่งสำคัญ
ขณะที่อีกด้านหนึ่งมองว่าการจูบนั้นเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่มีมาตั้งแต่มนุษย์คู่แรกถือกำเนิด ก่อนจะจับกลุ่มเป็นก้อนและบันทึกลายลักษณ์อักษรให้การจูบเป็นการแสดงความรักของมนุษย์อย่างเป็นทางการ โดยหลักฐานการจูบที่เก่าแก่ที่สุดคือ คัมภีร์พระเวท ของชาวอินเดียเมื่อ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล อธิบายไว้ว่า การจูบ คือการแสดงความรักผ่านการใช้จมูกมาถูไถกันเท่านั้นเอง
ต่อมากษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราชได้บุกป่าฝ่าทะเลทำความรู้จักกับความรักแบบอินเดียสไตล์ และนำไปพัฒนาเป็นการจูบแบบที่เห็นกันในปัจจุบัน โดยในปัจจุบันกินเนสส์บุ๊กได้บันทึกสถิติการจูบที่ยาวที่สุดในโลก อยู่ที่ 58 ชั่วโมง 35 นาที 58 วินาที เป็นเวลากว่า 2 วันครึ่งที่ปากของคนสองคนไม่ได้ผละออกจากกัน
นอกจากนี้การจูบจะช่วยเป็นเครื่องมือแสดงอารมณ์แบบไม่ต้องใช้เสียงแล้ว การจูบยังมีประโยชน์กับระบบร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ถ้าอยากรู้ก็คลิกอ่านต่อได้เลยที่บทความ 7 ประโยชน์ของการจูบ ของเราต่อได้เลย
สำหรับวันจูบแห่งชาตินี้ การเฉลิมฉลงคงเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเรื่องที่พูดถึงอยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องทำกับคู่รักหรือปากประกบปากกันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีการจูบแบบอื่นๆให้แสดงความรักอีกมากมาย ทั้ง การจุ๊บเบาที่หน้าผาก ส่งจุ๊บถืออากาศ เลือกสติกเกอร์แหววๆให้คนคุย หรือแม้แต่คนที่โสดไม่มีใคร(เช่นคนเขียน)ก็สามารถจุ๊บพุงน้องหมาน้องแมวแทนได้เหมือนกัน
ติดตามเรื่องราวความรู้ฉบับย้อนวันวานต่อได้เรื่อยๆที่ iNN Lifestyle
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews