นายกฯ เปิด kick off สูงวัย ใจสมาร์ท ส่งเสริมการจัดการศึกษาตลอดชีวิต บอกรัฐบาลพร้อมดูแลคนทุกช่วงวัย ตามกฎหมาย- ประชาธิปไตย ยอมรับเหนื่อย -ท้อแท้ แต่ธรรมะช่วยได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธี kick off “สูงวัย ใจสมาร์ท” ภายใต้โครงการจัดการและส่งเสริมการจัดการศึกษาตลอดชีวิต เพื่อคงสมรรถนะทางกาย จิต และสมองของผู้สูงอายุ ของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรือกศน. โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคุณหญิงกัลยาโสภณพนิชรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้การต้อนรับ
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ตนรู้สึกกระปรี้กระเปร่า แต่หลายคนก็อายุน้อยกว่าตน วันนี้เรามาอยู่ด้วยกันไม่ได้มีการแบ่งแยก วัยอะไรกันอยู่แล้ว เนื่องจากมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตลอดช่วงชีวิตอยู่แล้ว มีทั้งเด็กวัยเยาว์เด็กวัยรุ่นเด็กวัยทำงาน แล้วไปส่งอยู่ทั้งหมดซึ่งขับเคลื่อนด้วยการพัฒนาคุณภาพชีวิตตลอดทุกช่วงวัย 3H Heat Heart Health
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวในช่วงหนึ่งว่า เราได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งรัฐบาลให้ความสนใจและเตรียมการมาโดยตลอด ซึ่งต้องดูแลผู้สูงอายุกลุ่มนี้ให้มีความสุขต่อไปในอนาคต ได้มีการเตรียมความพร้อมในทุกมิติอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะดูแลและวางรากฐานที่ดีให้กับผู้สูงวัย และให้ใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุขในสังคม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องมีการเตรียมการไปข้างหน้าซึ่งไม่ใช่มิตินี้มิติเดียว ต้องมองทางด้านมิติด้านเศรษฐกิจว่าวันข้างหน้าประเทศไทยจะอยู่จุดไหนของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจภูมิภาค เพื่อที่จะมีรายได้ที่เพียงพอดูแลคนทุกช่วงวัยให้ได้ วันนี้รัฐบาลดูพยายามดูแลอย่างเต็มที่ในการดูแลเศรษฐกิจการลงทุน อุตสาหกรรมใหม่เพื่อให้เกิดรายได้สูงขึ้น
หากคิดแต่ว่าจะใช้เงินแต่หาเงินไม่ได้ก็คงไปไม่ได้เหมือนกัน ตนเข้าใจทุกคนก็ต้องการจากรัฐให้สนับสนุนนู่นนี่ ตนก็ยินดีหากมีเงินที่เพียงพอมากพอสมควร วันนี้น้อยมากมากๆก็เป็นเรื่องที่จะต้องทยอยดำเนินการ ตนก็ทำให้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา ขอให้ทุกคนรับทราบไปด้วย ต้องเปลี่ยนบทบาทจากรัฐบาลเป็นผู้สงเคราะห์ เป็นผู้พัฒนา ทั้งร่างกายจิตใจ
ซึ่งหากย้อนไปดูประวัติศาสตร์ประเทศไทยมีความเป็นมาอย่างไรกี่ร้อยปีมาแล้ว จะเห็นได้ว่าบ้านเมืองของเรากว่าจะสงบเรียบร้อยได้ขนาดนี้ เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนจะต้องรักสามัคคี รักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ได้ด้วยความเป็นไทยของเรา เรามีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลักในการพัฒนา ดำรงไว้ซึ่งประเทศชาติของเรา เราลืมไม่ได้นี่คือประวัติศาสตร์
วันนี้ตนรู้สึกดีใจที่เห็นรอยยิ้มของทุกคน เห็นไฟ ไฟอ่อน ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจตนเองบางครั้งบางวันก็รู้สึกเหนื่อยท้อแท้ แต่ก็ต้องชาร์จไฟของตนขึ้นมาใหม่ด้วยการพิจารณาด้วยการคิดอะไรหลายๆอย่าง โดยอย่างยิ่งธรรมะก็ช่วยตนได้มากพอสมควรตนฝากไว้ด้วยแล้วกัน จะทำให้ทุกอย่างและมันสงบลง
เช่นกับพวกเราทุกคนสูงอายุมากขึ้นจะคิดมากขึ้นรู้สึกว่าไม่มีใครสนใจไม่มีใครเอาใจใส่ลูกหลานก็ไม่อยู่ ทั้งหมดต้องหาทางกันให้เจอหากเทียบประเทศไทยมีโอกาสได้เจอพ่อแม่ได้ทุกวันละ กลับบ้านแต่ละครั้งก็หอบข้าวสารกลับมาพ่อแม่ก็เป็นห่วง สิ่งเหล่านี้มีอยู่ที่เดียวคือประเทศไทย
จากการอ่านบทวิเคราะห์ของนักวิชาการ พูดถึงปี 2585 ไม่มีใครอยู่หรอก มีใครอยู่มาบอกตนด้วยว่ายาอะไรดี เขามองว่าอีก 20 ปีข้างหน้าโลกไม่ใช่แบบนี้ โลกจะมีหลายอย่างเกิดขึ้นมาใหม่อะไรอย่างมีผลกระทบหลายอย่างมี discruption หลายอย่างที่มีการแข่งขัน หลายอย่างที่ทำให้โลกเจริญขึ้นก็จริง แต่ความขัดแย้งจะสูงขึ้นมาก เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตด้วยการเตรียมคนเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เพราะฉะนั้นต้องเตรียมความพร้อมให้กับเด็กและเยาวชนของเราในทุกมิติ เพื่อเตรียมการไปสู่สังคมสูงวัยในอนาคตอันไกลโพ้น โดยวันนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้สูงอายุจะเป็นผู้ที่เป็นบุคลากรสำคัญในท้องถิ่นในพื้นที่ที่จะทำให้สังคมเราสงบเรียบร้อยมีเสถียรภาพและเกิดความมั่นคงนั่นเป็นสิ่งสำคัญ
นอกจากนี้ หลังเปิดงานเสร็จ นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมกิจกรรมผู้สูงอายุ เช่น เต้นลีลาศ และ ร่วมเล่นอังกะลุงกับชมรมผู้สูงอายุด้วย โดยนายกรัฐมนตรี เขย่าอังกะลุงคีเสียงโด พร้อมท่องโน้ต โด เร โดเร โด โด โด ซึ่งผู้สูงอายุบอกนายกรัฐมนตรีว่าการฝึกอังกะลุงเป็นการฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ทำให้นายกรัฐมนตรี หันไปเขย่าแขนผู้สูงอายุ ว่าแข็งแรงจริงหรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews