อธิบดีกรมควบคุมโรค แจงดราม่า”อนุทิน”กักตัวเกิน 10 วัน บอกโรคประจำถิ่น สธ.ปรับมาตรการพร้อม เหลือแค่เรื่องข้อกฎหมาย แต่สุดท้ายรอศบค.เคาะศุกร์นี้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการกักตัวของผู้ป่วยโควิด-19 ว่า เดิมกำหนดให้มีการกักตัว 7+3 วัน คือกักตัว 7 วันสังเกตอาการอีก 3 วันแต่ล่าสุดคณะกรรมการวิชาการได้ลดเหลือ 5+5 ซึ่งจะรอนำเข้าที่ประชุมศบค.วันศุกร์ที่ 8 ก.ค.นี้
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ติดเชื้อโควิด-19 ก่อนหน้านี้ถือว่าเกิน 10 วันแล้ว โดยการนับจะนับตั้งแต่วันที่มีอาการ เพราะการแพร่เชื้อจะมีการแพร่เชื้อ 2 วันก่อนมีอาการ และ 3 วันหลังมีอาการ
ดังนั้นจึงต้องนับจากวันที่เริ่มมีอาการ เพราะฉะนั้นกรณีของนายอนุทินจึงไม่น่าจะมีอะไรและช่วงที่ออกงานเมื่อวานนี้ก็ยืนห่างจากคนอื่น ส่วนที่เคยบอกว่าวันที่ 1 กรกฎาคมจะให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นยังคงเป็นไปตามนั้นหรือไม่
นพ.โอภาส ระบุว่า รอที่ประชุมศบค.ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร เพราะต้องมีการพิจารณาทั้งมาตรการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข สังคม และกฎหมาย อย่างไรก็ตามวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะให้เป็นโรคประจำถิ่น ถือเป็นกรอบกว้างๆ แต่สุดท้าย ต้องให้ศบค.เป็นผู้พิจารณา แต่เชื่อว่าการดำรงชีวิตของเราคงไม่ได้เปลี่ยนไปมากกว่านี้
ซึ่งโรคประจำถิ่นต้องมีประกาศออกมาชัดเจนหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ความจริงในนิยามกฎหมายไม่มีคำว่าโรคประจำถิ่น มีแต่โรคติดต่อ โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังหรือโรคติดต่ออันตราย มี 3 ระดับ ซึ่งตอนนี้เราอยู่ในระดับสูงสุด คือ โรคติดต่ออันตราย เพราะฉะนั้นหากจะลดระดับจะเหลือโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ทั้งนี้ต้องรอศบค.พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนขณะนี้มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นสถานการณ์มีการรองรับเตียงอย่างไรบ้าง นพ.โอภาส กล่าวว่า เราทราบดีว่าสถานการณ์การติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องมีการแจ้งเตือน
ซึ่งการที่ติดเชื้อมากขึ้นมาจาก 2 ปัจจัย คือ 1.ตอนนี้กิจกรรมเราเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเจอในงานเลี้ยง งานปาร์ตี้ และ 2.มาจากเชื้อ BA.4 BA.5 ที่ติดเชื้อเร็วขึ้นแต่พบว่าความรุนแรง
ของโรคไม่ได้มากขึ้นตามไปด้วย
นพ.โอภาส กล่าวว่า ที่เรากำลังตามดูขณะนี้คือภาวะการรองรับด้านการรักษาผู้ป่วยหนักมากขึ้นหรือไม่ เตียงรองรับพอหรือไม่ แต่ภาพรวมของประเทศผู้ป่วยหนักไม่ได้มากขึ้น แต่เป็นสัดส่วนจำนวนเคสที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ส่วนใหญ่ตอนนี้ติดเชื้อก็รักษาตัวอยู่บ้าน กินยาก็หายเองได้ ดังนั้นเตียงตามโรงพยาบาลยังเพียงพอ เหลือแต่ที่กทม.เท่านั้น เนื่องจากกทม.มีระบบที่ซับซ้อน บางคนอาการเบาแต่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลเนื่องจากมีเรื่องของประกันสุขภาพที่ระบุว่าต้องนอนโรงพยาบาล ทำให้เสียเตียงไปจำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตามกรณีที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขทำหนังสือแจ้งเตือนให้เฝ้าระวัง โควิด-19 ไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำเป็นต้องหวั่นวิตกหรือไม่ นพ.โอภาส ระบุว่า ไม่ใช่เฉพาะปลัดสาธารณสุข
แต่ปลัดกระทรวงมหาดไทยก็ทำเหมือนกันเป็นการเตือนหน่วยราชการให้ระมัดระวัง เข้มงวด เตรียมพร้อม ทั้งนี้ถือเป็นมาตรการเตรียมความพร้อมตามปกติแต่เตรียมพร้อมดีกว่าไม่เตรียมพร้อม
พวกเราก็ต้องเตรียมพร้อมด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews