ปักเทียนเกินอายุ บนเค้กวันเกิดของเราทำไมต้องทำเช่นนั้น เชื่อว่าวันเกิดของเราหรือเพื่อนวนมาที่ไร ต้องมีคำถามยอดฮิตว่า อายุเท่าไรแล้วนะ ได้ปักเทียนถูก อย่าลืมปักเกินไป 1 เล่มด้วย ทำไมต้องเป็นเช่นนั้น มาหลับตา อธิฐาน ย้อนเวลาไปดูจุดเริ่มต้นพร้อมกัน
ในความเชื่อของไทยเรานั้นเชื่อกันว่าหากปักเกิน 1 เล่มจะทำให้ได้เป่าเทียนอีกในปีถัดไป แต่หากจะถามถึงจุดเริ่มต้นนั้นมีการพูดถึงกันมากมายหลายทฤษฏีไม่ใช่แค่ในไทยแต่ยังเป็นระดับสากลทั่วโลก ไล่ไปทีละอย่าง
การจุดเทียน ความเชื่อมาจากกรีกโบราณ เชื่อว่าชาวกรีกโบราณจะนำเค้กที่ตกแต่งพร้อมปักเทียนไปบูชาเทพีอาร์ทีมิส (Artemis) เทพีแห่งดวงจันทร์และการล่าสัตว์ ที่วิหารอาร์ทีมิส สาเหตุที่ต้องจุดเทียนเพื่อเป็นการสื่อถึงเทพีอาร์ทีมิสที่มีแสงสว่างราวกับดวงจันทร์ในยามค่ำคืน และควันจากเทียนยังเป็นการสื่อถึงคำอธิษฐานลอยไปถึงสวรรค์อีกด้วย ตรงนี้เลยคาดว่าเป็นที่มาขอการอธิฐานก่อนเป่าเทียน
การปักเทียนให้เท่าอายุ คาดว่ามีจุดเริ่มต้นจากชาวเยอรมัน ที่ปกติแล้วชาวเยอรมันเชื่อว่า เทียนนั้นเป็นสัญลักษณ์ของแสงแห่งชีวิต (Light of Life) เลยมักปักเทียน 1 เล่มให้กับเด็กๆตั้งแต่ช่วง ค.ศ 1700 เป็นต้นมา ในปี ค.ศ. 1746 มีการจัดงานวันเกิดสุดยิ่งใหญ่ของ ท่านเคานท์ ลุดวิจ ฟอน ซินเซนดอร์ฟ (Count Ludwig Von Zinzindorf) ด้วยการที่เค้กท่านเคานท์นั้นใหญ่จนสามารถปักเทียนตามอายุของท่านเคาน์ได้ เลยเป็นที่มาของการปักเทียนตามอายุ ส่วนไทยก็น่าจะปรับตามความเชื่อที่มักเชื่อในเรื่องดวง อายุ เลยปักเกินไป 1 เล่มเสมอ และในไทยนั้นมีความเชื่อในเรื่องวันเกิดอื่นๆอีกเช่น ในวันเกิดต้องทำบุญเพื่อเป็นมงคลกับชีวิต ดังคำกล่าวจากพระไตรปิฏกที่ว่า
เสฏฺฐนฺทโท เสฏฺฐมฺเปติ ฐานํ
“ผู้ให้สิ่งประเสริฐ ย่อมถึงฐานะที่ประเสริฐ”
ความเชื่อเรื่องการปักเทียนวันเกิดหรือการทำกิจกรรมต่างๆในวันเกิดนั้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล เป็นกิจกรรมที่ทำแล้วเกิดความสบายใจ ความสนุก ตามแต่สมควร ที่มีเกร็ดน่าสนใจเล็กน้อย คณะกรรมการวิจัยสุขภาพและการแพทย์แห่งออสเตรเลียหรือ NHMRC นั้นแนะนำว่าเด็กๆไม่ควรเป่าเทียนที่ปักอยู่บนเค้กวันเกิด เพราะอาจจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ อันนี้ก็แอบเห็นด้วยเล็กน้อย บางทีในงานวันเกิดเรามักมีความเชื่อที่ต้องเป่าทีเดียวให้ดับ บางคนเลยเป่าสุดแรงเกิดเลยทีเดียว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก