เอกชนสู้ไหว ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ5-8%
หลังจากที่ค่าแรงขั้นต่ำของไทยไม่ได้ปรับขึ้นมานานกว่า 2 ปี วันนี้แรงงานทั่วประเทศเตรียมดีใจได้เลย เพราะล่าสุดกระทรวงแรงงาน จะพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มอีก 5-8%
หวังช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนในห้วงจังหวะที่น้ำมันแพง ของขึ้นราคา ซึ่งอาจจะมีการประกาศใช้เร็วขึ้นเป็นสิ้นปีนี้ จากแผนเดิมเริ่ม 1 มกราคม 2566
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แม้จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับแรงงาน แต่ในอีกด้าน คือ การเพิ่มต้นทุนให้กับเอกชน และผู้ประกอบการ จากปัจจุบันต้นทุนการผลิต หรือการประกอบกิจการสูงขึ้น อันเนื่องมาจากราคาพลังงานที่แพง
ในมุมมองภาคเอกชน คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. คุยกับ นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย
โดยนายธนิต กล่าวว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-8% ตามที่รัฐบาลจะพิจารณา หากสะท้อนตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเฉลี่ย 5-10% เอกชนรับได้อยู่แล้วในภาวะปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้น สำหรับค่าจ้างแต่ละจังหวัดจะไม่เท่ากัน ต่ำสุดวันละ 313 บาท และสูงสุดวันละ 336 บาทที่มีเพียงจังหวัดชลบุรีและจังหวัดภูเก็ตเท่านั้นที่ได้รับสูงสุดภาวะเศรษฐกิจไทยที่ประสบกับปัญหา
ทั้งเงินเฟ้อ บาทอ่อน สินค้าราคาแพง และการขาดแคลนวัตถุดิบ มีผลต่อภาพรวมตลาดแรงงานในครึ่งปีหลังของไทยที่จะยังคงฟื้นตัวอย่างเปราะบางตามภาวะเศรษฐกิจ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ละจังหวัดจะไม่เท่ากัน ต่ำสุดวันละ 313 บาท และสูงสุดวันละ 336 บาท
ที่มีเพียงจังหวัดชลบุรีและจังหวัดภูเก็ตเท่านั้นที่ได้รับสูงสุด การปรับขึ้นหากสะท้อนตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเฉลี่ย 5-10% เอกชนรับได้อยู่แล้วในภาวะปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้น
นายธนิต กล่าวอีกว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลจะปรับขึ้นถือว่าจะช่วยให้แรงงานสามารถประคับคองภาระค่าครองชีพได้ แม้จะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการ แต่หากมองในภาพรวม หากแรงงานมีกำลังซื้อ ก็จะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า สำหรับการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ นั้นเบื้องต้นคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ได้ประชุมหารือสรุปข้อมูลแล้ว
คาดว่าจะสามารถพิจารณาอัตราค่าจ้างได้ในเดือนสิงหาคมนี้โดยจะปรับขึ้นประมาณ 5-8% จากเป้าหมายจะให้มีผลบังคับใช้ในวันที่1 มกราคม2566 อาจจะพิจารณาให้มีผลบังคับใช้สิ้นปีนี้เนื่องจากลูกจ้างได้รับผลกระทบต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างมากทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย
โดย หลังจากนี้ต้องนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อประกาศในราจกิจจานุเบกษาต่อไป จากนี้ต่อไปจะต้องติดตามการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างใกล้ชิด เพราะถ้ามีผลบังคับใช้ได้ปลายปีนี้จริง จะทำให้เพิ่มคะแนนเสียงนิยมให้กับรัฐบาล และลบข้อกล่าวหาได้ว่า ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นโยบายทิพย์ ของรัฐบาล เพราะวันนี้สามารถทำได้จริงแล้วนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews