ผบ.ตร.เตือนม็อบปทุมวันอย่าทำผิดขู่ใช้กำลัง
ผบ.ตร. ยังไม่กำหนดวันอวสานคดี “น้องชมพู่” ชี้ ยังมีประเด็นสอบเพิ่ม เตือน ม็อบ ราษฎร ชุมนุมในกรอบ ไม่ลังเลที่จะใช้กำลังถ้าผิดกฎหมาย
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ หลังมีกระแสข่าวว่าใกล้จะได้บทสรุปและถึงอวสาน ว่า
ขณะนี้ยังไม่กำหนดการว่าจะทำอะไรวันไหนแต่ไม่ได้แปลว่าไม่มี แต่หากถึงวันที่ทุกคนรอคอย การชี้แจงเรื่องของตำรวจก็จะทำเท่าที่ทำได้ อาจจะไม่ถูกใจพระเดชพระคุณท่าน แต่อะไรเล่าได้ก็เล่าแต่หากทำแล้วเสียหายก็เล่าไม่ได้ เพราะการจับกุมใครสักคนหลักการคือต้องแจ้งข้อเท็จจริงว่าเขาทำผิดยังไง สิ่งที่แจ้งต่อตัวผู้ต้องหาอาจจะพิจารณาออกสื่อได้ว่าเรากล่าวหาเขายังไงแต่เหตุผลที่มาสนับสนุนการกระทำของผู้ก่อเหตุอาจจะบอกไม่ได้ทั้งหมด
ส่วนจะเข้าข่ายการฆ่าโดยเจตนาหรือไม่นั้น ระบุว่าการแจ้งข้อหาจะต้องมีการลงมติกันในรูปของคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งตอนนี้มีหลายประเด็นที่เห็นว่าควรจะต้องเพิ่มเติมและมาพูดคุยกันอีกทีแต่หากถามกลับว่า หากจะมีใครสักคนพาเด็กทั้งที่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่เอาขึ้นไปในจุดตรงนั้น และสามารถเล็งเห็นว่า เสียชีวิตแน่ ท่านคิดว่าจะโดนข้อหาอะไร ซึ่งแต่ละคนมีความเห็นอย่างไรก็ได้แต่ทางคณะพนักงานสอบสวนก็จะมีพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาอะไร โดยส่วนตัวยังไม่ขอยืนยันคำตอบ เพราะยังคงหารือกันอยู่ขอยังไม่พูดตอนนี้ขอให้มีคำตอบแบบทางการก่อน เพราะเกรงจะเสียหายต่อรูปคดี
ส่วนสภาพศพของน้องชมพู่ จะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอนาจารศพหรือไม่นั้น ผบ.ตร.ระบุว่า “เดี่ยวค่อยว่ากันอีกที” ส่วนกรณี นายไชยพล วิภา หรือลุงพล และทนายความไปร้องศาลให้คุ้มครองนั้นถือว่าเป็นการร้อนตัวหรือไม่ กล่าวว่าปัจจุบันการสู้คดีจะสู้กัน 2 ทาง คือสู้ในศาลกับสู้ในโชเชียลต้องว่ากันไปแต่ตำรวจให้น้ำหนักกับการต่อสู้คดีในชั้นศาลมากกว่า เราก็มั่นใจถึงต้องทำ พร้อมย้ำว่าตำรวจให้ความสำคัญกับหลักฐานทุกชิ้น
ผบ.ตร. เตือนม็อบราษฎร ชุมนุมในกรอบ ไม่ลังเลที่จะใช้กำลังถ้าผิดกฎหมาย
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงกลุ่มราษฎร “นัดรวมผลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ” ที่สกายวอล์ก หน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง แยกปทุมวัน เวลา 16.00 น.วันนี้ว่าเรื่องการแพร่ระบาดไวรัสโควิด และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังจำเป็น ขอความร่วมมือยังไงก็อย่าก่อให้เกิดอะไรที่มันขัดต่อกฎหมาย จริงๆ ตำรวจไม่อยากบังคับใช้กฎหมายตนเป็นคนที่พยายามไม่ทำอะไรที่ไม่จำเป็น พยายามพูดคุย แต่ถ้าจำเป็นต้องทำไม่เคยลังเล และทำอย่างนี้มาตลอดชีวิต
ตนอาจไม่ค่อยพูดแต่ถ้าจะทำก็ทำเลยการจัดกิจกรรมขอให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยมีการเจรจากันอยู่แล้ว และพยายามให้ทุกคนอยู่ได้ภายในสถานการณ์แบบนี้จะแสดงความเห็นอะไรก็แล้วแต่ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ถ้าขัดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ฝากประชาชนที่จะมาชุมนุม ขอให้ระลึกถึงความสงบเรียบร้อย นึกถึงว่าเราอยู่ในสถานะที่ต้องช่วยกันตนในฐานะคนไทยคนหนึ่งอยากเห็นคนไทยร่วมไม้ร่วมมือ มีการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์มากกว่า จะเห็นว่าเราพยายามลีกเหลี่ยงการใช้กำลังมาตลอด อาจจะมีเพียงการใช้น้ำฉีดไปครั้งก่อนโน้น
ผบ.ตร.กล่าวย้ำว่าหากตำรวจทำอะไรรุนแรงไปก็ขอโทษ แต่ที่ทำทั้งหมดเพราะตั้งใจรักษาความสงบเรียบร้อย อยากให้ส่วนรวมสงบสุข ตำรวจไม่ได้ดูแลคนกลุ่มเดียวแต่ดูแลคนทั้งประเทศ
ผบ.ตร. เผย คดีเสี่ยโป้ ต้องใช้เวลาขยายผล ยันไม่รู้จัก “หลงจู๊” มอง “สันธนะ” เป็นแฟนคลับคนหนึ่ง
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการขยายผลคดี นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ ว่า ตำรวจมีการสืบสวนขยายผลหาเส้นทาง
การเงินของผู้ต้องหาแม้ว่าจะยาก ก็ต้องทำ เพราะฉะนั้นแต่ละคดีที่ทำต้องใช้เวลา ซึ่งนอกจากการติดตามจับกุม นางบานเย็น ชาญนรา แม่ของเสี่ยโป้
ยังมีหมายจับผู้ร่วมขบวนการ 31 หมาย ก็ต้องจับให้หมด หากพยานหลักฐานไปถึงใครก็ต้องทำ ยืนยันว่าคดีทุกเรื่องตำรวจตั้งใจทำ
ส่วนที่มีประเด็นว่าเสี่ยโป้ มีผู้อยู่เบื้องหลังนั้น เป็นกระแสที่สร้างขึ้นมาทั้งนั้น เพราะผู้ต้องหามีธุรกิจของเขาอาจจะมีพวกพ้อง บริวาร มีคู่ค้า
มีการต่อสู้นอกศาล สร้างเรื่องไปเรื่อย ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง พร้อมมองการออกมาเคลื่อนไหวของ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ว่าเป็นเรื่องของเขา
เราก็ทำหน้าที่ของเราไป ยอมรับส่วนตัวมีปัญหากับนายสันธนะ เป็นคู่รักกันมานาน เวลาที่นายสันธนะ ออกมาพูดอะไรก็เหมือนเป็นแฟนคลับคนหนึ่ง อย่างน้อยก็มีคนคิดถึงเราตลอดเวลา
ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีถูกพาดพิงเรื่อง “พ่อบ้านโย”ว่า จริงๆ แล้ว การที่เอาเรื่องจริงมาผสมเรื่องเท็จมาพูดสร้างกระแสนั้นมีมานานแล้ว
แต่ต้องพยายามทำงานออกมาให้เห็น การมานั่งชี้แจง บางครั้งทำไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในฐานะที่พูดได้ทุกเรื่อง และขอยืนยันว่าในชีวิตไม่เคยรู้จัก “หลงจู๊”
ไม่เคยคุยกัน เพียงแต่เคยได้ยินชื่อตามข่าวว่าทำอะไรบ้าง แต่ข่าวอย่างเดียวดำเนินคดีไม่ได้ต้องมีพยานหลักฐานว่าไปตามกฎหมาย
ผบ.ตร. เห็นด้วยควรปฏิรูปตำรวจ ลั่นอยู่ไม่นาน แต่เมื่ออยู่แล้วก็จะทำให้ดีที่สุด
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่การประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ… ซึ่งคณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอต้องยุติการอภิปราย เพราะปัญหาองค์ประชุม และไม่ทันได้ลงมติรับหลักการ ว่าการประชุมเมื่อวานนี้ไม่ได้ล่ม แต่เนื่องจากมีผู้อภิปรายหลายท่าน จึงมีมติให้เลื่อนไปในวันอังคารที่ 16 ก.พ. โดยส่วนตัวมีที่เห็นด้วยคือต้องปฎิรูป ส่วนรายละเอียดค่อยไปว่ากันในชั้นแปรญัตติ
ผบ.ตร.กล่าวว่ากรณีที่มีการคาดการณ์อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ประเด็นเกี่ยวกับตำรวจจะมีการพูดถึง ผบ.ตร. ในส่วนตรงนี้ได้มีการเตรียมข้อมูลไว้ชี้แจง ตำรวจสัมผัสกับคนทุกระดับใครก็เข้าถึงได้ ใครก็สามารถด่าตำรวจได้ ตำรวจมีคอลัมน์นิสต์เป็นของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกด่าแต่ก็ไม่เคยโต้แย้งอะไรก็ทำหน้าที่ไป ที่ผ่านมามีหลายอย่างที่เราทำหน้าที่ไม่เรียบร้อย เราก็ยอมรับ แต่เราเป็นนักมวยขึ้นชกสิบครั้งชนะทั้งสิบครั้ง พอครั้งที่สิบเอ็ดก็โดนตบกะโหลกร่วง ซึ่งมันก็ไม่ชนะทุกครั้ง แต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ตำรวจพยายามปรับปรุงตัว ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องการปฏิรูป ตนเคยพูดตอนแถลงนโยบาย ถ้าเรียนรู้จากองค์กรอื่นที่เขาทำ การปรับโครงสร้างองค์กรเกินกว่าครึ่งไม่ประสบผลสำเร็จเพราะน้ำหนักไม่ได้อยู่ที่ตัวโครงสร้างองค์กร แต่อยู่ที่คน กฎหมายดีที่จำเป็นต้องมีก็ต้องมี แต่มีรายละเอียดที่ต้องทำอีกเยอะแค่กฎหมายฉบับเดียวปฏิรูปอะไรไม่ได้ ฝากถึงประชาชน พวกตนอยู่ตรงนี้ไม่นาน แต่เมื่ออยู่แล้วก็จะทำให้ดีที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news