จากภาวะปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมาทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ ทั้งจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 และปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
ที่กดดันภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้อัตราเงินเฟ้อและราคาสินค้าต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น ที่ผ่านมาภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างมีมาตรการจากรัฐบาลต่างๆ ออกมามากมายอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรเทาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และลดภาระค่าครองชีพของประชาชน
โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มปรับฟื้นตัวขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา แม้จะฟื้นตัวช้าแต่ยืนยันว่ามีความมั่นคงในการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
โดยในปีหน้าทิศทางการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวการส่งออกยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่องรวมไปถึงภาครัฐเองจะเร่งรัดการลงทุนในภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทาง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ขยายตัวได้ในกรอบร้อยละ 3-4
ทั้งนี้ที่ผ่านมาโครงการคนละครึ่ง ช่วยกระตุ้นการบริโภคของภาคประชาชนโดยเป็นการใช้จ่ายผ่านรัฐบาลครึ่งหนึ่งและประชาชนครึ่งหนึ่งในร้านค้าขนาดเล็ก ซึ่งช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพจากผลกระทบของโควิดในช่วง 2 ปีแรก
ที่ทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง จากปัญหาการขาดรายได้และการว่างานในช่วงการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างและได้รับผลกระทบ ซึ่งจากการดำเนินมาตรการคนละครึ่งและกระตุ้นการใช้จ่ายช่วยทำให้ลดผลกระทบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและติดลบไม่มากจนเกินไป
รวมทั้งที่ผ่านมาภาครัฐได้ดูแลทั้งภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจ เอสเอ็มอี ให้สามารถประคับประคองธุรกิจผ่านมาตรการของภาครัฐทั้งสินเชื่อและการใช้จ่าย
ขณะที่การแก้ปัญหาหนี้ของภาคประชาชนรัฐบาลยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องทั้งการปรับโครงสร้างหนี้และการเติมสินเชื่อเพิ่มเติม
จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลยังคงเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ภาวะเศรษฐกิจไทยหยัดยืนได้ในสภาวะวิกฤตโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง โดยต้องเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง เพื่อที่จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ในระยะข้างหน้า
ซึ่งมาตรการที่ออกมาจะต้องคุ้มค่ากับวงเงินที่รัฐบาลกู้ไปและมีระยะเวลาที่เหมาะสมไม่อัดแน่นจนเกินไปหรือเหินห่างจนเกินไปซึ่งที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำในเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจนเพราะหากเศรษฐกิจไทยเติบโตร้อนแรงไป
อาจมีภาวะชะลอตัววูบลงได้ในทันทีซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทายในระยะข้างหน้าที่จะต้องเตรียมแผนรับมือ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews