“พิธา” เดินทางเยือนปีนังถอดบทเรียนสร้างอุตสาหกรรมไฮเทค มองไทยติดหล่มพัฒนาไม่ทันโลก
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางไปเมืองจอร์จทาวน์ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าพบนาย Chow Kon Yeow มุขมนตรี ผู้นำฝ่ายบริหารรัฐปีนัง และเข้าร่วมประชุมกับสภาอุตสาหกรรมรัฐปีนังและสถาบัน Penang Institute ที่เป็นสถาบันการวิจัยการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐปีนัง
โดยพิธา กล่าวว่า วาระในการเยือนปีนังในครั้งนี้คือการตามหาอนาคตให้กับอุตสาหกรรมไทย และเศรษฐกิจภาคใต้ของประเทศไทย ตนเลือกมาปีนังเป็นที่แรกๆ หลังจากประกาศวิสัยทัศน์ ‘จากน้ำสะอาดสู่ชิพคอมพิวเตอร์’ เพราะปีนังมีความ ‘เหมือน’ และความ ‘ต่าง’ กับประเทศไทยที่ทำให้เชื่อว่าการสร้างอุตสาหกรรมอนาคตที่ไฮเทคให้กับเมืองไทยยังเป็นไปได้
ซึ่งความเหมือนนั้นอยู่ที่ความสำคัญของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E&E สำหรับปีนังอุตสาหกรรม E&E มีมูลค่าการส่งออกปีละ 3 ล้านล้านบาท จ้างงาน 3 แสนคน สำหรับประเทศไทย E&E ก็สำคัญมากเช่นกันด้วยมูลค่าส่งออกปีละ 2 ล้านล้านบาท จ้างงาน 750,000 คน ซึ่งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งที่ไทยและปีนัง เริ่มสร้างมา 40 ปีก่อนเหมือนกัน เริ่มสร้างจากการเป็นฐานการประกอบชิ้นส่วนที่มูลค่าเพิ่มต่ำ และเน้นแข่งขันกับโลกด้วยราคาแรงงานที่ต่ำ แต่เมื่อจีนและเวียดนามเปิดประเทศในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ก็ทำให้ทั้งไทยและปีนังสูญเสียศักยภาพการแข่งขันเรื่องค่าแรงไปช่วงหนึ่ง
แต่สิ่งที่แตกต่างคือ การที่ปีนังสามารถที่ปรับตัว ยกระดับอุตสาหกรรม และคว้าโอกาสจากสงครามการค้าและวิกฤติภูมิรัฐศาสตร์จนสามารถดึงนักลงทุนที่ต้องการย้ายฐานการผลิตมาได้อย่างมหาศาลจนในปี 2564 การลงทุนในปีนังเติบโตถึง 440% สามารถกลับมาเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมไฮเทคระดับโลกได้อีกครั้ง มีโครงการลงทุนที่เป็นข่าว เช่น การลงทุนโรงงานประกอบและทดสอบเซมิคอนดักเตอร์ของ Intel มูลค่า 2.5 แสนล้านบาทสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทยไปมาเลเซียก็คืออิเล็กทรอนิกส์
สินค้าส่งออกอันดับ 1 จากมาเลเซียมาไทยก็อิเล็กทรอนิกส์เหมือนกัน แต่หากเราจะยังเชื่อมโยงกันมากขึ้นต่อไปในอนาคต ประเทศไทยก็ต้องพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน ความเร็วของบริการภาครัฐ กฎระเบียบภาครัฐ และศักยภาพบุคลากร เพื่อให้ตอบโจทย์นักลงทุนไฮเทค
ทั้งนี้ นายพิธา ระบุถึงความสำเร็จของปีนัง ว่า อยู่ที่การพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อม เพราะนโยบายส่งเสริมการลงทุนของปีนังนับว่ามีความจำกัด เนื่องจากปีนังไม่สามารถกู้เงินได้โดยไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลาง และมาตรการดึงดูดการลงทุนก็มีข้อจำกัดเพราะรัฐบาลกลางพยายามดึงการลงทุนไปลงที่รัฐอื่นเช่นกัน หากย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ไป
ปีนังเป็นศูนย์กลางความเจริญของมาเลเซียมานับร้อยปีจากการเป็นท่าเรือปลอดภาษีของอาณานิคม เมื่อมาเลเซียรวมประเทศและได้เอกราช รัฐบาลกลางพยายามสร้างกัวลาลัมเปอร์เป็นศูนย์กลางขึ้นมาแทนปีนังและยกเลิกสถานะท่าเรือปลอดภาษีของปีนังในปี 2512 ทำให้ปีนังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ในปี 2515
ปีนังจึงได้พยายามรื้อฟื้นเศรษฐกิจด้วยการสร้างอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาจนประสบความสำเร็จได้ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีข้อจำกัดมากมายในการสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต แต่ตนเชื่อว่าเราสามารถที่จะก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆได้อย่างที่ปีนังสามารถทำได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews