นายกฯ เชื่อ LTR Visa ปัจจัยสำคัญ ช่วยดึงดูดชาวต่างชาติหลากหลายกลุ่มมาพำนัก ลงทุนในไทยระยะยาว
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้รายงานตัวเลข ผู้ขอยื่นขอใบสมัครวีซ่าระยะยาว (Long – Term Resident Visa) หรือ “LTR Visa” ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2565 มีผู้สมัครกว่าหนึ่งพันคน
โฆษกฯ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายเพื่อส่งเสริมการลงทุนโดยดึงดูดชาวต่างชาติ ที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ด้วยความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพ น่าลงทุน และเป็นที่นิยม โดยถือเป็นเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ให้วีซ่าระยะยาวแก่ชาวต่างชาติมีศักยภาพสูง 4 กลุ่ม พำนักในประเทศไทยในระยะยาว โดยมีเป้าหมายดึงดูด 1 ล้านคน ใน 5 ปี โดยได้เริ่มรับสมัครชาวต่างชาติในกลุ่มนี้ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
จากสถิติ ประเทศที่มีการยื่นขอใบสมัครมากที่สุดได้แก่ สหรัฐฯ 232 ราย จีน 140 ราย สหราชอาณาจักร 109 ราย เยอรมนี 68 ราย และออสเตรเลีย 51 ราย ตามลำดับ สามารถแบ่งตามกลุ่มได้ดังนี้
1.) กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy Global Citizens) มีผู้ยื่นใบสมัครแล้ว 88 คน คิดเป็น 8%
2.) ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (Wealthy Pensioner) มีผู้สมัครเข้ามาแล้ว 430 คน คิดเป็น 37%
3.) ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย (Work from Thailand) มีผู้สมัครเข้ามาแล้ว 366 คน คิดเป็น 32%
4.) ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ (Highly Skilled Professionals) มีผู้สมัครมาแล้ว 160 คน คิดเป็น 14%
5.) ที่เหลือเป็นกลุ่มของคู่สมรส และบุตรของผู้ที่ต้องการทำงานและพำนักอาศัยระยะยาวในประเทศไทย มีผู้สมัครเข้ามาแล้ว 144 คน คิดเป็น 14%
“นายกฯใช้ความได้เปรียบของประเทศ ทั้งทางเศรษฐกิจ จากการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาค ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน แรงงานที่มีฝีมือ
ดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพในหลากหลายกลุ่ม โดยวีซ่าประเภทใหม่นี้จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการดึงดูดกลุ่มนักลงทุน ผู้มีความพร้อม มีทักษะ
และความเชี่ยวชาญสูงให้เข้ามาพำนักในประเทศไทย เพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ” นายอนุชา กล่าว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews