แม้ความชัดเจนของ “น้องตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ 100% ว่าจะแตกหัก แยกกันเดินกับ “พี่ใหญ่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคพลังประชารัฐ ไปสังกัด “รวมไทยสร้างชาติ” ที่มีคนใกล้ชิดอย่าง “พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” ไปลงหลักปักฐานรอไว้แล้ว ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ความเข้มข้นของกลเกมการเมือง ระหว่างตัวบุคคลและระหว่างพรรคกลับทวีคูณยิ่งขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนใบ้กิน ไม่กล้าพูด ไม่กล้าฟันธง แบบชายชาติทหาร ยกเอาเอเปคมาอ้าง เพื่อหลบฉาก ต่างจาก “พี่ป้อม” เสียงดังฟังชัด พูดดังๆ ไม่ห้ามแล้วจะไปก็ไป แถมเดินเกมเร็ว เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พร้อมจัดสัมนา เพื่อล็อคตัวเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชนิดที่เรียกว่า ใครไม่ลังเล ที่จะอยู่กับ”พี่ใหญ่ป้อม” ก็ตบเท้าเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง “กลุ่มมะขามหวาน”ของ “สันติ พร้อมพัฒน์” อยู่กันอย่างพร้อมหน้า “ตระกูลรัตนเศรษฐ” ของ “วิรัช” ก็ชัดเจนมาเป็นบทกลอน “ชาตินี้รักใครไม่ได้แล้ว ไม่ผ่องแผ้วมืดมิดไม่คิดหนี ทั้งชีวิตยอมพลีให้ลุงป้อมตลอดไป”
ขณะที่ “สามมิตร”ของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน-อนุชา นาคาศัย” ที่ครั้งหนึ่งเคยเอียงไปทาง “น้องตู่”บ้าง ก็ยังถ่วงดุลได้ดี โดยเฉพาะท่าทีของ”สมศักดิ์” ที่ย้ำทุกวันอังคารก่อนประชุม ครม. ว่ายังอยู่กับพลังประชารัฐ เช่นเดียวกับ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” แกนนำกลุ่มเมืองสิงห์ ก็ยังปักหลักกับฝ่าย”ลุงป้อม” ด้วย แม้ทางแม่จะเป็นกองเชียร์คนสำคัญของ”บิ๊กตู่”ก็ตาม รวมถึงกลุ่มปากน้ำ ที่ “ลุงป้อม”เคยยรับปากจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรีก็ยังไม่คิดหนีไปไหน มีเพียง 2 กลุ่มของ คนชื่อ”สุชาติ”เท่านั้น ที่ไม่ชัดเจน
“สุชาติ” แรก คือแกนนำบ้านริมน้ำ “สุชาติ ตันเจริญ” มีข่าวลือมาตลอดกลับเพื่อไทย และพรรคที่จะไปก็ไม่ได้ออกมาปฏิเสธ จึงน่าจะชัดว่าไม่ไปต่อกับพลังประชารัฐ ส่วนอีก”สุชาติ” คือ ส.ส.เฮ้ง บ้านใหม่ของเมืองชล “สุชาติ ชมกลิ่น” ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ประหนึ่งเป็นวอลเปเปอร์ ของ “พล.อ.ประยุทธ์” ดังนั้นหากจะมีกลุ่ม ส.ส.ของพลังประชารัฐ จะย้ายไปรวมไทยสร้างชาติ หาก “บิ๊กตู่”ตัดสินใจว่าจะไปก็คงมีแค่กลุ่มนี้ ซึ่งมีเครือข่าย จากจังหวัดภาคกลาง ประมาณ 10-15 คนเท่านั้น หรืออาจจะมากกนี้ หากกลุ่ม”ปักษ์ใต้”อีก 10 กว่าเสียง เชื่อผลโพลว่าชื่อ”ลุงตู่” ยังขายดีในแดนสะตอ ก็อาจจะมีคนตามมาอีก
ยกเว้นบางคน ที่ไปไม่ได้ เพราะรวมไทยสร้างชาติ วางตัวผู้สมัคร ที่ดึงมาจากประชาธิปัตย์ และเป็นคู่ปรับเก่าเอาไว้แล้วนั่นเอง ส่วนอีกพรรค ก็ค่ายสีฟ้านั่นแหละ ที่โดนผลกระทบหาก”บิ๊กตู่”ตัดสินใจแตกหักกับ”พี่ป้อม”
เพราะกติกาหลัก ต้องมี ส.ส.อย่างน้อย 25 คนหลังเลือกตั้ง ถึงจะมีสิทธิ์ ได้รับเสนอชื่อเป็นายกฯได้ จึงจำเป็นต้องดึงคนมีศักยภาพ มีฐานเสียง เพื่อการันตีโอกาสเข้าสภาไว้ด้วยนั่นเอง ซึ่งหาก “สุชาติ” ขนมาจาก
พลังประชารัฐได้ 15 คน ก็ต้องดึงจากประชาธิปัตย์อีก 10 เป็นอย่างน้อย แล้วที่เหลือไปลุ้นเอาอีกทีตามพื้นที่
ซึ่งต้องต่อสู้กับค่ายสีฟ้าอีกนั้นเอง เพราะ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน และ จุรินทร์ ลักษณวิศิษย์” ประกาศไว้ชัดเจนแล้วประชาธิปัตย์ จะคัมแบ็คภาคใต้ และต้องได้มากกว่าเดิม จะว่าไปแล้ว ใครจะไปกับ”ลุงตู่” ก็คงต้องคิดหนักเหมือนกัน เพราะมีเงื่อนไขบังคับอยู่แล้ว เป็นนายกฯต่อได้อีกแค่ 2 ปี ต้องเปลี่ยนเป็นคนอื่น แล้วพรรคนั้นมีใครสำรองไว้แถมฐานเสียงจากโพลก็มีแค่ปักษ์ใต้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช่ของจริงหรือไม่ แต่หากอยู่กับ”ลุงป้อม” สบายๆ กันเอง ประนีประนอม และอาจมีออปชั่นพิเศษ แม้ไม่ชนะ มี ส.ส.มากที่สุดในสภา ก็สามารถจับมือกับอีกฝ่าย อย่างเพื่อไทยเป็นรัฐบาลได้ ซึ่งต่างจาก “ลุงตู่” ที่พรรคอื่นๆ แม้แต่ที่ร่วมรัฐบาลตอนนี้ ก็แทบไม่อยากร่วมงานด้วยนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews