“วิโรจน์” จี้นายกฯ แจงการทำงานจัดหาและฉีดวัคซีนถามไทยจะฉีดเข็มแรกเมื่อไหร่ ด้าน นายกฯ ยืนยัน วัคซีนเพียงพอ ใครไม่อยากฉีดก็บอกมา
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน เคยออกมาบอกว่าไทยจะได้รีบวัคซีนเป็นประเทศแรกๆ ของโลก แต่ทำไมตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น วัคซีนไม่ใช่แค่การป้องกันโรค แต่เป็นการกอบกู้เศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องด้วย ซึ่งหลายประเทศในอาเซียนได้มีการฉีดไปแล้ว แต่ไทยจะฉีดเข็มแรกเมื่อไหร่ อย่าอ้างว่าประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อน้อยไม่ต้องเร่งฉีดวัคซีน
ถามว่าจะประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วจะกล้ามาประเทศที่ยังไม่ฉีดได้อย่างไร ถ้าเรื่องแค่นี้นายกฯ คิดไม่ได้กล้ามานั่งในตำแหน่งนายกฯ ในตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ผอ.ศบค.) ได้อย่างไร ขณะที่วัคซีนได้มีการสั่งซื้อไปแค่บริษัทเดียว คือ บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเมื่อเกิดการระบาดรอบ 2 จึงมีคำสั่งให้จัดหาซื้อเพิ่มในบริษัทเดิม โดยไม่ได้เปิดโอกาสให้มีการซื้อจากบริษัทอื่นด้วย ตามคำแนะนำของแพทย์
โดยจะฉีดในเดือนมิถุนายน แต่เมื่อมีกระแสจากสังคมจำนวนมากได้มีคำสั่งซื้อจากบริษัท ซิโนแวค เพิ่มเพื่อให้ทันเหตุการณ์กับประเทศอื่นๆและจะฉีดในช่วงกุมภาพันธ์ ตนจึงอยากให้ชี้แจงแผนการทำงานมาโดนละเอียด เกี่ยวกับการซื้อวัคซีน การฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ ทำไมไทยไม่เข้าร่วมโครงการผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 ที่มีศักยภาพมากที่สุด (โคแวกซ์ ) เหมือนกับประเทศอื่นๆ ทั้งๆที่มีต้นทุนที่ต่ำกว่า อีกทั้งมีประสิทธิภาพ โดยอ้างว่าถ้าเข้าร่วมต้องนำเงินไปวาง แสดงให้เห็นว่านายอนุทิน ไม่ได้ใส่ใจกับการจัดหาวัคซีน จากโคแวกซ์เลย กลับมุ่งไปที่บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เท่านั้น
“วิโรจน์” ซัด”นายกฯ-อนุทิน” จัดหาวัคซีนไม่รอบคอบ ขณะส.ส.รัฐบาลลุกประท้วงคำอภิปรายพาดพิงสถาบัน
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า การจัดหาวัคซีนโควิด-18 จากบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ รัฐบาลรู้ทั้งรู้ว่าบริษัทเอกชน สยามไบโอไซเอนซ์ นั้นมีความเกี่ยวข้องกับสถาบัน แทนที่จะดำเนินการให้รอบคอบ จัดให้มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น แต่กลับดำเนินการรวบรัด ขาดความโปร่งใส อำพรางข้อมูลสาธารณะ จนเกิดความล่าช้าในการจัดหาวัคซีน และปิดบังข้อมูลความผิด โดยใช้มาตรา 112 ฟ้องร้องปิดปากคนที่ตั้งคำถาม พิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชน
โดยระหว่างที่นายวิโรจน์ อภิปราย โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงสถาบัน ได้มี ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงเพื่อให้ถอนคำพูดอยู่เป็นระยะๆ พร้อมขอให้ผู้อภิปรายไม่อภิปรายเสียดสี พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน
โดยระหว่างการประท้วง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯได้ควบคุมการประชุมโดยวินิจฉัยให้ถอนคำพูดที่พาดพิงสถาบัน และตักเตือนให้นายวิโรจน์ ไม่พูดเสียดสีให้ร้ายบริษัทเอกชนและสถาบัน
“วิโรจน์” ถาม”อนุทิน” เตรียมระบบแจกวัคซีนให้ประชาชนพร้อมหรือยัง ติงนายกฯหายใจทิ้งไปวันๆ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า ขณะนี้ นายอนุทิน เตรียมระบบการแจกจ่ายวัคซีน เตรียมระบบการลงทะเบียน และการติดตามผลไว้พร้อมหรือยัง “อนุทิน”ยันวัคซีนถึงไทย24ก.พ.ตามแผนเดิมประชาชนอยากรู้ใจจะขาดแล้ว ว่า เมื่อไรจะสามารถกลับมาทำมาหากินได้เหมือนเดิม จะได้มีเงินไปใช้หนี้เสียที ทุกวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งหายใจรดทิ้งไปวันๆประเทศชาติเสียหาย เป็นมูลค่า 8,300 ล้านบาท ถ้าคิดเป็นชั่วโมง 347 ล้านบาท จนถึงวันนี้ฉีดวัคซีนล่าช้าไปกี่วันแล้ว
สำหรับนโยบายราคาที่ไม่กำไร พล.อ.ประยุทธ์และนายอนุทิน ก็พยายามอำพราง เพราะข้อเท็จจริงนโยบายที่ไม่ทำกำไรนั้นเป็นนโยบายเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดเท่านั้น สยามไบโอไซเอนซ์ ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับประชาชนเลย แต่ประชาชนต่างหากที่มีบุญคุณกับสยามไบโอไซเอนซ์ โดยงบ 600 ล้านบาท ที่ใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมวัคซีน
ทำไมรัฐต้องเอาเงินภาษีไปซื้อวัตถุดิบให้สยามไบโอไซเอนซ์ เอาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนไปเสี่ยงกระจุกกับบริษัทที่เพิ่งรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาล ไม่เคยคิดที่จะเร่งจัดหาวัคซีนจากบริษัทอื่นเลย เพราะเลือกสยามไบโอไซเอนซ์ มาตั้งแต่แรกแล้ว
นายกฯ โต้ “วิโรจน์” ปมนำเข้าวัคซีน แจงรัฐบาลไม่เคยทำงานเช้าชามเย็นชาม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ชี้แจงการอภิปรายของนายวิโรจน์ ลักคณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล เรื่องการจัดซื้อวัคซีน โดยยืนยันว่า มีข้อเท็จจริงอยู่แล้ว ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เพราะตัวเองไม่ใช่นักโต้วาที ซึ่งการบริหารจัดการเศรษฐกิจและโควิดตนเองทราบดีว่าประชาชนเดือดร้อนและอาจจะรู้มากกว่าทุกคน เพราะตนเองมีข้อมูลมากอยู่แล้ว
พร้อมย้ำว่า ตนเองไม่มีอำนาจสั่งทั้งหมด ต้องฟังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งแพทย์ และศูนย์บริการสถานการณ์โควิ รวมถึงคณะทำงานเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดและรักษาตลอดจนการนำวัคซีนเข้ามาให้ได้เร็วที่สุด
ส่วนการฉีดวัคซีน ยังไม่สามารถยืนยันได้ ว่าจะได้ผล 100% หรือไม่ แต่ชี้แจงว่า เป็นการฉีดแบบฉุกเฉินไม่ใช่การฉีดแบบไข้หวัดใหญ่ทั่วไป สิ่งสำคัญที่สุดคือชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ ที่เสียสละเพื่อส่วนรวม และสปิริตของคนไทยร่วมกันสวมใส่หน้ากากอนามัย พร้อมย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้นั่งนอนเฉยๆ และทำงานเช้าชามเย็นชาม
นายกรัฐมนตรี ยังกังวลว่า หากพูดถึงวัคซีนมากๆ จะกลายเป็นปัญหาว่าต้นทางจะส่งมาหรือไม่ จึงขอให้ระมัดระวังและรับผิดชอบหากกลายมาเป็นปัญหาขอ อย่าโยงเป็นเรื่องการเมือง จนมีปัญหาและจำคำพูดตัวเองไว้ด้วย หากต้นทางไม่ส่งวัคซีนมาให้เพราะเป็นสาเหตุมาจากเรื่องการอภิปรายในสภาครั้งนี้ “ก็ต้องมีเรื่องกัน” จึงขอร้องว่าอะไรที่จะทำให้เป็นปัญหาก็อย่าพูดอีกเลย
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า คนที่พูดเป็นเรื่องง่าย แต่ทำเองไม่ง่าย แม้จะพูดเร็ว ดูดีดูเก่ง ขอให้มาทำดูเองจะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ย้ำว่ารัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ
แต่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อเลือกวัคซีนที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับประเทศ วันนี้ได้รับข้อมูลมาว่าประชาชนคนไทยอยากฉีดวัคซีน 80% และมีอีก 10% ที่ไม่อยากฉีด ส่วนอีก 10% คือคนที่ลังเลและไม่แน่ใจว่าผู้อภิปรายนั้นอยู่ในกลุ่มที่ไม่อยากฉีดหรือลังเลหรือไม่
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า วัคซีนที่คำนวณไว้แล้วน่าจะเพียงพอและทยอยเข้ามา ซึ่งทั้งหมดจะต้องอยู่ในการควบคุมของรัฐก่อน จนกว่าทุกอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ทราบว่าในที่นี้มีคนไม่อยากฉีด ก็ส่งรายชื่อมา แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่าง ระมัดระวังเมื่ออยู่ในพื้นที่ชุมชน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news